Behind The Mist

Be Awear

วันนี้เป็นวันที่หมอกลงจัด….
ตัวเขาสูดหายใจช้าๆมองสภาพอากาศรอบๆก่อนจะเดินไปยังกาบเรือเพื่อดูคลื่นทะเล มือท้าวด้ามไม้ถูพื้นมองก่อนจะเอามันกระแทกลงไปในถังแล้วดึงขึ้นมาแล้วถูดาดฟ้าต่อไป ฉับพลันประตูห้องถูกเปิดออกอย่างแรงพร้อมทั้งร่างของรองกัปตันที่ก้าวออกมาด้านหน้าและประกาศคำสั่งเสียงดัง
“เตรียมอาวุธของเจ้าให้พร้อม ทุกคนเข้าประจำที่ เรากำลังจะได้ปล้นกันแล้ว!!”
เขาหันไปมองด้วยใจที่เต้นระทึก นี่เป็นการปล้นบนทะเลครั้งแรก มือกำแบออกสองสามครั้งเพื่อระงับความตื่นเต้นสายตาจับจ้องไปยังคนที่ยืนอยู่ด้านบนรวมสายตาของลูกเรือในตอนนี้
‘จะได้ปล้นแล้ว…ต้องบอกลากันซักพักแล้วนะเจ้าไม้ถูพื้น! เจ้าผ้าขัดถัง!’ มือวางไม้ลงทันทีและเงยหน้าตั้งใจฟังคำที่เปล่างออกมาอย่างตื่นเต้น
“เรือสินค้าเป็นเป้าหมายของเรา” ไวแอดละจากกอดอกแล้วตวัดมือชี้ไปยังทิศทางที่เรือกำลังมุ่งไป  “ข้าจะเป็นผู้นำในการบุก จับอาวุธให้มั่น รอสัญญาณปืนใหญ่จากเรือ เมื่อแล่นเทียบกันได้แล้วอย่ารอช้า กระโดดข้ามไปซะ ระวังปืนของพวกมันด้วย ส่วนใครอยู่ฝ่ายสนันสนุนให้คอยคุ้มกันเรือให้ดี”
รองกัปตันหันไปหาต้นหน “ดูกระแสลมให้ดีขึ้นไปประจำรังอีกาได้แล้ว” และหันมาหาทุกคนอีกครั้ง “ไป!! ประจำที่ได้แล้ว!!”
สิ้นคำสั่งลูกเรือทั้งหมดก็ละมือจากงานที่ตัวเองทำอยู่ทั้งหมด เข้าประจำที่ของตัวเอง เขาวิ่งเอาถังน้ำและไม้ถูพื้นไปเก็บก่อนที่จะวิ่งไปประจำที่กาบเรือมือกระชับด้ามดาบแน่น สายตามองรอบๆเพ่งมองไปยังเรือสินค้าที่เริ่มปรากฏสู่สายตา
“กระแสลมมาทางตะวันตก!!” ต้นหนคนเก่งของเราตะโกนบอกหัวหน้าปืนใหญ่เสียงดังและบังคับพังงาให้เคียงไปกับเรือสินค้าอย่างรวดเร็ว
“เราเข้าระยะยิงแล้ว ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม!!” เสียงของกัปตันก้องดังลั่นเรือที่กำลังแล่นฉิวบนท้องทะเล ทุกคนต่างมุ่งไปเกาะเชือกสำหรับโหนตัว มือกระชับอาวุธแน่น แน่นอน ตัวเขาด้วย
เรือแล่นตีคู่ขึ้นไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ….จนกระทั่ง…..
“ยิง!!!” สิ้นคำหัวหน้าพลปืน เสียงปืนใหญ่ก็ดังขึ้นกึกก้อง ระดมยิงไปยังฝ่ายตรงข้ามไม่หยุดสร้างความประทับใจให้ตัวเขาอย่างมาก
‘ว้าว มันเยี่ยมโครต นี่มันเจ๋งโครตๆไปเลย!!’
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เห็นปืนใหญ่ยิง แต่รู้สึกว่าคำสั่งยิงที่ออกมาจากปากของน๊อกซัสมันช่างมีพลังบางอย่างที่รู้สึกตื่นเต้น มีพลัง….
ลูกเรือสินค้าวิ่งพล่านจับอาวุธขึ้น เป็นความโกลาหลที่ต่างจากการกระเหี้ยนกระหือรือจากทางฝั่งบลูไวเปอร์นัก…
เรือแล่นเข้าไปใกล้ขึ้น..ใกล้ขึ้น…
เขามองไปรอบๆ..เห็นเจอร์รี่ยืนอยู่กับไกอัสและดาริว… ขาออกก้าวเดินไปยังตำแหน่งนั้น ก่อนจะตบไหล่เจอรี่ที่กำลังยื่นสั่นด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้กัน
“ครั้งแรกก็แบบนี้แหละน่า” พี่ชายช่างต่อลังหัวเราะแห้ง เขารู้สึกได้ว่าเจอรี่กำลังตื่นอย่างมาก มือตบไหล่ปาบซ้ำเข้าไปแล้วพูดหยอกว่า “ข้าจะปกป้องความซิงของเจ้าเอง” และไม่น่าเชื่อเท่าไหร่ ดาริวก็พูดอะไรคล้ายๆกันกับเพื่อนของเรา
และผลที่ตามมาคือเขาโดนตะโกนด่า “มาพูดเรื่องความซิงอะไรตอนนี้เล่า!! ข้าไม่ใช่สตรีเสียหน่อย!!” พร้อมมือที่ว่างยกขึ้นกุมหน้าผากอย่างหนักใจ
“แต่ก็หายสั่นแล้ว..ใช่ป่าว” ริมฝีปากผุดรอยยิ้มรับการเสียงดังนั้นอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร
“จะพูดอะไรข้าไม่ถือหรอกนะ…เตรียมพร้อมเอาไว้ รอไวแอตให้สัญญาณ” โบซันของเรือกระชับดาบแล้วมองนิ่งไปด้นตรงข้าม
“ข้ากำลังรอคำสั่งขอรับ!!” ดาริวที่ยืนอย่างมาดมั่นมานานตะโกนแข็งขันเตรียมพร้อม
ไม่ทันขาดคำ เสียงกลองศึกถูกรัวขึ้นพร้อมทั้งธงโจรสลัดชักขึ้นสู่ยอด
“เมื่อเราเทียบเรือประชิดได้แล้วบุกขึ้นเรือสินค้าได้เลย!” เสียงตะโกนของรองกัปตันลั่นดาดฟ้าเรือ
ทุกคนส่งเสียงเฮข่มขวัญเหยื่อ…ที่กำลังดิ้นรนอยู่อีกฝั่ง
เรือสินค้าชะลอลงในขณะที่บลูไวเปอร์ใช้กระแสลมและน้ำจากการอ่านทางของรีสหนุนให้เคลื่อนเข้าไปเทียบข้าง ใกล้จนกราบเรือเกือบชนกัน
ผู้คุมหมุนพังงาให้เข้ากาบเรือเทียบกัน และร้องเตือนระวังเรือโคลงด้วยใจคะนอง
เขาจับเชือกแน่น ขาข้างหนึ่งก้าวขึ้นไปบนขอบไม้เตรียมที่จะโหนตัวทันที…
และอีกอึดใจ เสียงของกัปตันก็ดังเข้าหูของลูกเรือ “บุกขึ้นไป!!”
คนแรกที่ขยับตัวคือท่านรอง…ผู้นำทัพหน้าจับเชือกให้มันแล้วโหนตัวนำทุกคนบุกไปยังดาดฟ้าเรือสินค้าทันที
เมื่อเห็นร่างกำยำคิ้วหน้ามุ่งนำไปแล้วผู้นำกลุ่มของเขาก็พูดเสียงดังอย่างที่นานๆครั้งจะทำ ไกอัสส่งเสียง “ไป!!”  พร้อมกับข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามไม่รอช้า
เจอรี่ที่เลิกสั่นแล้วก็ส่งเสียงออกชวนให้ข้ามไปเช่นกัน ตัวเขาก็หัวเราะกับท่าทางนั้นแล้วโหนเชือกตามไปทันที
ชายหนุ่มผมยาวที่ถึงเป้าหมายเป็นคนแรก พูดโดยไม่หันกลับมามองด้านหลัง “เรามาปล้นสดมภ์อย่างไรก็ต้องไปให้ถึงห้องสินค้า พวกเจ้าระวังตัวไว้ด้วย” และก้าวนำไปอย่างรวดเร็วสู่ห้องเก็บของ
เขาคิดว่าไกอัสตอนนี้ช่างแตกต่างกับที่เคยเห็นยามปกติที่นิ่งๆเงียบๆบนเรือมากมายเหลือเกิน.. ท่าทางนิ่งเรียบเฉยเหมือนดาบในมือเจ้าของที่แทงเข้าสู่จุดตาย แล้วเปิดทางนำหน้าไปยังเป้าหมาย เป็นคนที่น่ากลัวคนหนึ่ง…
แต่ยังไม่ทันคิดอะไรเสียงกระสุนก็สาดดังไปทั่วบริเวณก่อนจะเฉียดหัวไหล่เขาไปเพียงนิดเดียว…. เกือบจะได้แผลก่อนที่จะลุยซะแล้ว…
เขาตวัดตามองหาพลปืน แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการยันดาบใส่ลูกเรือที่พุ่งเข้าหาให้พ้นทาง เมื่อร่างนั้นล้มไป สายตาก็มองหาอีกสามคนที่มาพร้อมกัน
โบซันตวัดดาบแทงคอคนหนึ่งเพื่อเปิดทางให้เจอร์รี่วิ่งนำขึ้นไป พร้อมทั้งมีดาริววิ่งตามและคอยกันคนที่จะเข้ามาขวางทางออกไป
เสียงปืนยังคงดังอย่างต่อเนื่อง… ก่อนจะค่อยๆเงียบลงทีละเสียงทีละเสียง… คงมีคนคอยเก็บมือปืนและเปิดทางให้อยู่จากด้านหลังอย่างแน่นอน..
รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากก่อนจะวิ่งตามสามคนนั้นไป…
เขาวิ่งไปสมทบกับดาริวที่กำลังกวัดแกว่งมีดด้ามใหญ่ของตนไปมาอย่างชำราณ
“เครซ ดาริว ระวังหลังให้ด้วย” คนพูดไม่มองพวกเขาด้วยซ้ำ ชายหนุ่มตวัดเลือดให้กระเด็นออกจากดาบแล้วพุ่งตามนายช่างลังไม้ไปด้านหน้า…..
ดาบตวัดแทงไหล่ของชายคนหนึ่งที่พุ่งเข้ามาเพื่อขัดขวางไม่ให้พวกตนลงไปข้างล่าง ก่อนที่จะได้ยินเสียงของเจอรี่ร้องดังพร้อมกับการสะดุ้งก้าวถอยหลัง…
อะไรน่ะ…ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น……
พอเร่งรุดไปให้ถึงด้านใน..เขาก็ต้องตกใจเช่นเดียวกับคนที่มาก่อน ซากศพเรียงรายเต็มไปหมด ทั้งสภาพดีและแย่แตกต่างกันไป…
ถึงจะเคยเห็นคนตายมาในสภาพต่างๆเยอะ แต่การเห็นร่างไร้วิญญาณมากองรวมกันมากๆมันก็สลดได้เหมือนกัน.. “ให้ตายเถอะ…..” เขาหันไปเห็นสีหน้าดาริวที่ไม่ได้ดีไปกว่าตนเท่าไหร่นัก….
การพยักหน้าให้กันครั้งนี้สื่อความหมายอะไรบางอย่างที่หดหู่ในใจ
‘คงจะเป็นฝีมือของแซงค์ที่อยู่ด้านใน….’  
สายตาหันไปเห็นเจอรี่ที่ก้าวถอยไปอยู่หลังไกอัส…… พี่ชายคนนี้คงจะยังไม่ชินกับอะไรแบบนี้พอสมควร..ต่างกับคนที่พูดปลอบด้วยคำที่เรียบง่ายเช่นว่า “เดี๋ยวก็ชินไปเอง” ก่อนจะก้าวผ่านศพพวกนั้นอย่างระแวดระวัง เผื่อว่าอาจจะมีใครซุ่มอยู่อีก..
“ท่านไกอัส ข้างหน้ามีคนอยู่” เจ้าของชื่อไม่ลังเลที่จะแทงเข้าที่จุดตายหรือศพที่ยังไม่ตายสนิทเพื่อความปลอดภัย
เขาและดาริวเดินเว้นระยะกับสองคนด้านหน้าอย่างพอดี และทันเห็นเจ้าของเสียงที่พุ่งไปรับดาบแทนโบซัน
!
ร่างนั้นล้มลงไปด้านหลังเพราะแรงดึงของชายหนุ่มผมดำยาว เขาวิ่งไปข้างหน้าเพื่อหาเจอรี่ ในขณะที่มีดทำครัวด้ามใหญ่ที่เรียกว่าปังตอนั่นบินผ่านเขาไปยังเป้าหมายแล้วปักลงบนเนื้อนั่นอย่างแม่นยำ
ไกอัสที่อยู่ด้านหน้าประคองเจอร์รี่ไว้ และเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่เป็นไรมากจึงดึงมีดนั่นออกแล้วส่งคืนให้ดาริวก่อนจะลุกขึ้นแล้วมองรอบๆอย่างระแวดระวังเผื่อจะมีการซุ่มโจมตีเกิดขึ้นอีกครั้ง
คณะรุดขึ้นไปด้านหน้ามุ่งสู่ห้องสินค้าที่อยู่ไม่ไกลนัก
 
พวกเขาไม่มีใครสังเกตุเห็นสิ่งผิดปกติเลย…ยกเว้น..
ไกอัส…
“ปัง!” เสียงปืนดังขึ้นในระยะไม่ไกลนัก ร่างที่วิ่งนำหน้าอยู่ทรุดหงายลง และมีรอยบนเสื้อที่เปลี่ยนเป็นสีแดงในวงกว้างบริเวณไหล่..
!!!
เขาหันไปมองต้นเสียงปืนเพื่อพบว่าคนที่ลั่นไกนั้น..เป็นสตรีผู้หนึ่งที่กำลังตั้งครรภ์แก่..และอีกมือกำลังจูงเด็กสาวตัวน้อยไว้…
“บ้าเอ๊ย!! คนท้องทำไมไม่อยู่บนบกวะ!!” ในใจเขาหมายจะวิ่งไปปลดปืนแล้วหาเชือกแถวนั้นมัดไว้ แต่ยังไม่ทันวิ่งถึงตัว ก็มีมีดเล่มเล็กพุ่งแซงไปปักยังกลางศรีษะของหญิงผู้นั้น…และ…ล้มลงทันที…
อะไรน่ะ……ไกอัส…  
เขารู้สึกตกใจที่เห็นสตรีคนนั้นล้มลง…ในใจของเขารู้สึกรับไม่ได้อยู่ในส่วนลึก มัน…เกินไปที่จะจบชีวิตของผู้หญิงที่กำลังมีอีกชีวิตในท้อง..
ในขณะเดียวกัน เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ก็ร้องไห้จ้าลั่นบริเวณ… เขาสลัดความรู้สึกที่ไม่จำเป็นในยามนี้ทิ้งไปก่อนจะหยิบเชือกมามัดมือและมัดปากไม่ให้เจ้าตัวเล็กคนนี้ร้อง หรือวิ่งไปหรือแม้กระทั่งหยิบปืนขึ้นมาขัดขวางคนอื่นได้อีก…
อยู่เงียบๆเถอะ เด็กน้อย..บางทีเจ้าอาจจะรอด…
เขาได้แต่ภาวนาในใจแล้วางเด็กไว้แถวนั้นก่อนจะกลับไปรวมกลุ่ม…ไกอัสทำแผลเบื้องต้นให้ตัวเองแล้วเรียบร้อย ชายหนุ่มลุกขึ้นก่อนจะมุ่งสู่เป้าหมายเดิม…
แต่ตอนนี้สถานะของเรือสินค้ากำลงแย่
รอยรั่วของเรือสินค้าเริ่มถูกแรงดันน้ำพังเข้ามา น้ำค่อยๆไหลทะลักเข้ามาในเรือ ยังไม่มากนักแต่มีแนวโน้มว่าจะพังเข้ามามากกว่านั้น
สายตามองเด็กสาวที่สลบไปแล้วเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะมุ่งตามไกอัสไป เขารู้สึกได้ว่าเรือกำลังจะจม…
อีกไม่กี่ก้าวต่อมา…ในที่สุดพวกเขาสี่คนก็ถึงห้องสินค้า..
“ขนออกไปให้ได้มากที่สุด แล้วแจ้งพวกข้างบนด้วยว่า ข้างล่างนี่จัดการเรียบร้อยแล้ว” ผู้นำกลุ่มกล่าวขึ้น ที่เหลืออีกสามรีบทำตามอย่างรวดเร็ว ขนของเท่าที่จะขนได้ไปวางไว้ที่ดาดฟ้าให้คนอื่นรับช่วงขนกลับเรือ และตัวเองก็กลับเข้ามาขนอีกครั้ง…
เขามองไปยังจุดที่เคยมีเด็กสาวอยู่…
แต่เธอหายไปแล้ว..
!!
แต่มันไม่ใช่เวลาตามหาเด็กที่ตัวเองไม่รู้จัก ร่างก้าวฉับๆลงไปยังห้องเสบียงครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อทำหน้าที่ของตนเองให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี..
เมื่อเสื้อผ้าอาวุธถูกขนไปได้บางส่วนแล้ว..สายตาจึงกวาดไปเห็นลังถังเหล้า… เขาไม่รอช้าฉวยขึ้นมาหนึ่งลังเต็มๆ และให้อีกลังกับดาริวที่ถึงกับเอ่ยขึ้นมาว่าเอาเผื่อตนด้วย…และก็ช่วยกันขนออกไปด้วยจิตใจที่ดีขึ้นเล็กน้อย..
ในที่สุดเจอรี่ที่เทียวไปเที่ยวมาก็พยุงไกอัสออกมาจากห้องเสบียง….
“เด็กคนนั้นหายไป…?” โบซันมองสังเกต
“ข้าจัดการนางไปแล้วท่านไกอัส..ตอนนี้ท่านต้องไปหาหมอ”  น้ำเสียงของนายช่างราบเรียบผิดปกติ…แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสงสัย.. การพาคนเจ็บกลับเรือย่อมสำคัญกว่า..
เขาก้าวเดินออกมาจากสองคนนั้น และตรงไปยังร่างไร้วิญญาณที่แซงค์ได้จัดการเพื่อเปิดทางให้เปลี่ยนการสลดหดหู่ในก่อนหน้านี้เป็นจิตใจของขโมยและคิดเข้าข้างตัวเองว่าคนตายนั้นไม่ต้องการของยังชีพอีกต่อไป…และเริ่มตรวจทรัพย์สินมีค่าส่วนตัวของคนที่หนึ่ง..ที่สอง..ที่สาม…
ได้ถุงเงินและของมีค่ามาเพิ่มอีกเล็กน้อย รวมทั้งมีดเล่มงามที่เขาคิดจะเก็บไว้เอง..
สถานะของเรือตอนนี้เริ่มจะมีไฟไหม้ลามออกมาจากด้านใน…ด้วยฝีมือของใครเขาไม่รู้ แต่ในตอนนี้ทุกคนก็เร่งรีบขนของกลับไปให้ได้มากที่สุด
ดาริวยังคงยืนใกล้ๆและช่วยหาของเพิ่มเติม…. สายตาเขาเหลือบไปเห็นนาฬิกาพกเงินของใครคนหนึ่งจึงหยิบมาแล้วยื่นให้อีกฝ่ายช่วยถือไว้
ซึ่งก็เป็นไปตามคาด …คือต้องให้ไปเลยไม่ได้คืนอีก
เขาหัวเราะนิดๆกับการกระทำนั้นก่อนจะกลับขึ้นลูซี่…
เมื่อขึ้นเรือได้แล้ว สิ่งที่ทำอย่างแรกคือการลำเลียงข้าวของที่กระจัดกระจายเข้าไปเก็บให้เป็นที่ มองไกอัสที่นั่งหน้าเบี้ยวให้ชาโต้ทำแผล…
การแอบมองชาโต้ทำแผลให้คนอื่นนี่ไม่สนุกเอาซะเลย.. โดยเฉพาะคนที่นั่งให้รักษานี่แทบจะสลบลงไปอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะอาการเจ็บจากกระสุนฝังไหล่ แต่เป็นวิธีการรักษาที่เกือบจะทำให้โบซันคงเก่งโดนตัดแขนทิ้ง..
มีการขานชื่อตรวจสอบว่าทุกคนยังอยู่และไม่มีใครตกค้างอยู่บนเรือลำนั้น กัปตันก็ตะโกนสั่งให้รีสรีบออกเรือทันที การที่เรือลำใหญ่จมลงอาจจะเป็นไปได้ที่จะมีกระแสน้ำดึงเรือของพวกเราลงไปด้วย
เขารีบวิ่งกลับไปที่ดาดฟ้าเพื่อช่วยลำเลียงคนเจ็บเข้าให้ถึงมือหมอ…. และเขาเหลือบไปเห็นกัปตันทีละออกมาจากนายช่างไม้….
 
ที่กำลังอุ้มเด็กสาวไว้ในอ้อมแขน..แล้วพาเข้าสู่กรงขัง…
…..ชิบหาย…เอาจริงดิเจอร์รี่!!
ในมือเขากำลังถือผ้าพันแผลยืนเหม่อไปทางชายคนนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมีคนชนจนหน้าเกือบทิ่ม สติจึงหวนกลับมานึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ต้องช่วยเรื่องนี้ก่อนที่จะไปห่วงคนอื่น
ในตอนเที่ยง…
เมื่อทุกอย่างสงบลงแล้ว..เขาก็ไปนั่งอยู่บนกาบเรือ..เหม่อมองทะเลและหวนนึกถึงภาพของสตรีที่กำลังตั้งครรภ์คนนั้น และเด็กสาวที่ถูกพาเข้าไปในกรงขัง…
ไกอัสน่ากลัว…ในยามต่อสู้นัก..  เขายอมรับว่าเขาไม่ใจแข็งพอที่จะฆ่าเด็กหรือผู้หญิง โดยเฉพาะกำลังตั้งครรภ์.. ในตอนนั้นความคิดมีแค่จะปลดปืนและจับนางมัดไว้เท่านั้น…
เข่าซ้ายชันขึ้นเอาแขนท้าวแล้วเอาคางเกยมืออีกทีหนึ่ง…รับลมทะเลเพื่อหวังว่าจะให้ภาพที่มีดปักหน้าผากสตรีผู้นั้นจางลงบ้าง…
เขาหันหน้ามองไปยังกรงของเด็กสาว…และเห็นลูก้ายืนอยู่ตรงนั้นเช่นกัน
….!
ร่างกายรีบเด้งขึ้นและลงมายืนที่ดาดฟ้าเรือมองไปที่เหตุการณ์นั้นอยู่ห่างๆ
ไม่นานไวแอตก็เดินเข้าไปหา กลับออกไป..และกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมเจอร์รี่…
ทุกคนอยู่พร้อมหน้าและเงียบลงโดยไม่ได้นัดหมาย.. นายช่างรุ่นพี่ของเขาดูตัวเล็กกว่าที่เคย..
กัปตันร่างใหญ่ขึ้นไปนั่งบนกรงของเด็กสาวโน้มตัวมาข้างหน้าประสานมือไว้บนตัก ถึงแม้จะไม่ได้พูดคุยกันเสียงดัง..แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรต่างจดจ้องอยู่กับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
และทันใดนั่น ชายหนุ่มก็โดนลูก้าตบหน้าหัน เสียงพูดที่คุยกันปกติกลับดังขึ้นด้วยความโกรธ
“ข้าถึงได้เรียกเจ้ามาคุย ข้าไม่สนว่านางจะพบความฉิบหายอะไรในชีวิตมาบ้าง ที่ข้าสนคือ…ข้าพาทุกคนขึ้นมาอยู่บนเรือ ให้ช่วยเหลือกันและกัน…พวกเจ้าคือแรงงาน..เจอรี่ แรงงานคือพวกเจ้ากินข้าว ได้แบ่งสมบัติ มีชีวิตสุขสบาย แลกกับการที่พวกเจ้าต้องทำงานเพื่อเรือ เพื่อ ‘ครอบครัว’…ไม่ใช่ไอ้อีตัวอื่นนอกเรือ เวลาที่เจ้าเอาเวลาเอาแรงกายไปช่วยคนอื่น สำนึกใส่หัวไว้ด้วย…ว่าเพื่อนบนเรือกำลังต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าไม่แพ้ ไอ้เด็กนั่น…เข้าใจที่ข้าพูดไหม”
เจอร์รี่นิ่งไปก่อนจะตอบสิ่งที่ทำให้ไวแอตชักดาบออกมาจ่อคอเขา…..
เขาใจเต้นแรงมองการกระทำนั้นอย่างตื่นตระหนกในใจแต่ภายนอกนั้นยังดูนิ่งเฉย…
หมอโยฮันเดินเข้าไปแตะไหล่รองกัปตันเพื่อห้ามปราม…การพูดคุยยังคงดำเนินต่อไปโดยเจอร์รี่ยอมรับผิดเพียงคนเดียว..
เขาลอบกลืนน้ำลายเมื่อลูก้าสั่งให้พาเด็กสาวออกมาจากรง สั่งให้วาเลนและรีสจับแชนชูเหนือหัวไว้คนละข้าง…
กัปตันจะทำอะไร…?
ร่างใหญ่หันไปมองชายหนุ่ม “ดูไว้นะเจอรี่…ครั้งหน้าคนที่เจ้าคิดจะเก็บมันขึ้นมา…ก็จะต้องเป็นแบบนี้”
แขนเงื้อดาบขึ้นเล็งฟันไปที่แขนของเด็กสาวข้างที่ต้นหนจับไว้จนขาดออกจากตัว เด็กสาวหวีดร้องดังอย่างตื่นตระหนก เสียงกรีดร้องเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เลือดแดงข้นพุ่งออกจากต้นแขนสาดลงบนพื้นเรือในทันที
อ้าวเชี่ย!!  
ยังไม่ทันจะหายใจจบเฮือก…
ลูก้าเงื้อมือฟันแขนข้างที่วาเลนจับอยู่ด้วยเช่นกัน และจับหิ้วร่างเด็กน้อยไปยังกาบเรือ
เฮ้ย!!
เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าว…โดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าจะก้าวไปหาเด็กสาวคนนั้น.. แต่เป็นหมอโยฮันที่เข้าไปจริงๆ…
ชายหนุ่มกำลังพยายามทำอะไรซักอย่างกับร่างที่เต็มไปด้วยเลือด… มือพยายามห้ามเลือด…ก่อนที่ร้องเพลงกล่อมเด็กเบาๆ..ช้าๆ..แล้วใช้มีดปาดคอนาง..และปล่อยร่างของนางทิ้งลงทะเลไป…
รู้สึกสติหายไปวูบหนึ่งเมื่อเห็นเหตุการณ์นั้น.. มันยิ่งกว่าการที่ไกอัสเขวี้ยงมีดปักหน้าเสียอีก…
เขามองไปยังเจอร์รี่ด้วยความเป็นห่วง……
……….
ไม่นานนักคำสั่งทำความสะอาดดาดฟ้าเรือก็ดังขึ้น…คนทำงานก็ทำด้วยหัวใจที่หดหู่…
เช้าวันถัดมา
เขาลุกจากเปล ล้างหน้าล้างตาในใจนึกถึงพี่หัวหน้าต่อช่างลังไม้ของตนเองนักว่าจะเป็นอย่างไร..ประกอบกับเขาต้องไปรับคำสั่งงานดูแลถังไม้ใหม่ๆที่ได้มาเมื่อวาน ขาจึงก้าวตรงไปยังห้องเก็บเสบียงที่อีกฝ่ายนอนอยู่..
เขาเห็นร่างนั้นขดตัวนอนบนเปล…. มือเอื้อมไปนั่งข้างๆแล้วไกวเปลเบาๆ..
“เฮ้..”  ชายหนุ่มขยับตัวหันกลับมาหา “ เครซ…? โทษที ข้าตื่นสาย..?”
“เปล่าหรอก” เขาส่ายหน้าน้อยๆแล้วยิ้มให้ “เจ้าจะนอนต่อก็ได้ เดี๋ยววันนี้ข้าจะทำงานแทนเอง”……
เพราะถ้าเป็นตัวข้าเองไปอยู่ตรงนั้น วันนี้ข้าก็คงไม่มีแรงจะลุกขึ้นมาทำอะไรเหมือนกัน..
เจอร์รี่ส่ายหน้า พึมพำบอกว่าลำบากเจ้าแล้วเบาๆ… เขาพูดเสนอน้ำและอาหารให้ และก็ได้รับคำตอบกลับมาว่าไม่เป็นไร…
 
เป็นน้ำเสียงและท่าทางที่ไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย…
เขาเอาคางเกยเปลของอีกฝ่ายไกวเปลเบาๆและร้องเพลงราวกับกำลังกล่อมเด็ก…. “นี่…คุยกับข้าได้นะ..”
ชายหนุ่มตอบกลับมาด้วยเสียงเบา….โดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไร…
ใช่..เป็นเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเหมือนกัน…
และพี่เจอร์รี่แสนดียังอุสาห์เป็นห่วงเขา.. “ แล้วเจ้าบาดเจ็บหรือเปล่า…?”
“เจ็บจนร้องโอดโอยไปพักนึงเลย” พร้อมกับเสียงหัวเราะเล็กๆจนอีกฝ่ายเข้าใจผิด
“เจ็บขนาดนั้น…?”
“..เปล่าหรอก ข้าล้อเล่น”   ชายหนุ่มนิ่งไปก่อนจะพูดว่าดีแล้วกับขอโทษออกมา…
ขอโทษที่ทำทุกคนเดือดร้อน….และขดตัวมากกว่าเดิม…
เขาไม่ชอบที่เจอร์รี่หดหู่หม่นหมองแบบนี้เลย  จึงเอื้อมมือไปลูบเส้นผมสีทองของเจ้าตัวช้าๆ…
“เจ้าหดหู่แบบนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก..” เขาฉุดเจอรี่ที่ยังคงตัดพ้อตัวเองว่าไม่สามารถควบคุมความรู้สึกได้ขึ้นนั่ง “หาอะไรสนุกๆทำกันเถอะ”
อีกฝ่ายมองเขาอย่างงุนงงแล้วร้องถามว่าจะไปทำอะไรที่ไหน ก่อนที่จะได้รับกีตาร์ไว้ในมือพร้อมรอยยิ้มและขยิบตาให้
“ข้าว่าสิ่งนี้ช่วยเจ้าได้”…
ชายหนุ่มผมทองปฏิเสธและส่ายหน้าว่าตนคงเล่นไม่ได้ในตอนนี้ พร้อมทั้งกลับไปทำท่าทางห่อเหี่ยวอีกครั้ง
“เล่นเถอะ” เขาคะยั้นคะยอ พร้อมทั้งหยิบตลับมือของยิปซีขึ้นมาถือไว้ “เล่นให้เธอคนนั้นกัน…”
คราวนี้ได้ผล.. อีกฝ่ายมองเครื่องสายในมือซักพักราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ก่อนจะพยักหน้าตกลง
เขายิ้มมองการกระทำนั้นก่อนจะขยับตลับในมือให้เกิดเสียงจังหวะนำ…จากนั้น..เสียงบรรเลงเพลงจากเครื่องดนตรีก็ดังขึ้นเป็นจังหวะเศร้าสร้อย สวยงาม…
เพลงแห่งการบอกลา……
เขาดีใจที่เจอร์รี่ยอมเล่นดนตรีตามที่เขาแนะนำ อย่างน้อยความรู้สึกที่อัดอั้นจะได้ระบายออกมาบ้าง.. หากเป็นเขาที่อยู่ในสถานการณ์แบบนั้นคงจะซึมเศร้าไปอีกหลายวัน
….เมื่อดนตรีจบ…ราวกับความรู้สึกของเจอร์รี่ก็ถูกปลดปล่อย….เขาเอื้อมมือไปบีบไหล่ของอีกฝ่าย…
“เจ้าได้บอกลานางแล้วนะ….”
และยังไม่ทันขาดคำดี…..พี่ชายคนนี้ก็น้ำตาร่วงเผาะ….
เมื่อเห็นดังนั้นขึงนั่งลงข้างๆ ปลดหน้ากากของอีกคนออกแล้วดึงเข้ามากอดปลอบเงียบๆ…..ใบหน้าเปื้อนน้ำตาซุกเข้ากับไหล่ของเขา ร้องไห้สะอื้นหนัก…. มือลูบหลังไปเรื่อยๆหวังจะให้เจอร์รี่ค่อยๆสงบลงอย่างช้าๆ….ช้าๆ…..
“ดีขึ้นไหม…?” เขาถามคนที่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้น…แต่เสียงร้องไห้ได้เงียบไปหายไปแล้ว…
อีกฝ่ายพยักหน้าพร้อมกับแบมือขอหน้ากาก “ขะ…ขอคืน…”
รอยยิ้มขี้แกล้งผุดขึ้น “ข้าโยนทิ้งไปแล้ว”  พอรู้แบบนั้นคนที่กำลังก้มหน้าอยู่ก็ไม่เงยขึ้นมาอีกเลย..
ข้าล่ะอยากรู้นักว่าเจ้าจะมีดวงตาแบบไหนกัน เจอร์รี่
และเอาจริงมากกับการก้มหน้า และขอให้เขาลุกออกไปก่อนเสียอีก…
“ข้าล้อเล่น” ยิ้มขำก่อนจะลูบหัวทุยสีทองปุๆแล้วเอาหน้ากากคืนให้อย่างไม่คิดจะหยอกคนที่เอาหน้าฝังไหล่อยู่ต่อ..
ชายหนุ่มรับไปใส่ทันทีก่อนจะหันมาหา “ขอบใจนะ….หลายๆอย่าง…”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก…” ยิ้มฮี่แล้วเกลี่ยน้ำตาบนแก้มเนียนๆนั่นให้ “เจ้าจะติดหนี้ทำงานข้าหนึ่งวัน” เขาชูหนึ่งนิ้วขึ้นมายิ้มล้ออีกฝ่าย
เจอร์รี่ก้มต่ำก่อนจะกล่าวขอบคุณซ้ำอีกครั้ง พร้อมกับการกอดแน่นๆ
เขาถามอะไรอีกนิดหน่อยอย่างเช่น หิวหรือเปล่าให้เอาอะไรมาให้กินไหม…อีกฝ่ายปฏิเสธ..เพราะตนเองนั้นรู้สึกรบกวนรุ่นน้องอย่างเขามามากแล้วในวันนี้
เจอร์รี่กลับไปนอนเปลอีกครั้ง และเขาก็หยิบผ้าขี้ริ้วขึ้นก่อนจะเดินกลับออกไปทำงานด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม พี่ชายคนนี้ก็ได้ระบายออกมาบ้าง.. ไม่เพียงแค่นั้น เขายังเห็นคนบนเรืออีกหลายๆคนซึมลงไปถนัดตา.. และทำได้แค่เพียงหวังว่า..ทุกอย่างจะกลับมาร่าเริงสดใสเหมือนเดิม
และจะจำไว้ว่า คราวหลังเขาจะไม่ภาวนาให้ใครรอดตาย…

————————-

ผู้มีส่วนร่วม
    -ไกอัส , เจอร์รี่ , ลูก้า
Posted in Log

One thought on “Behind The Mist

Leave a comment