Words 4204
อายุ 5 ปี สถานะ น้องชาย
ณ หน้าบ้าน
เด็กชายดันเตเลี่ยนตัวน้อยกำลังนั่งเล่นอยู่กับพี่ชายข้างบ้านที่แคร่นั่งหน้าประตู…ก่อนจะมีผู้ชายคนหนึ่ง ผิวขาว…ลักษณะดูมีเงิน ก้มลงมาหาเขา… “แม่อยู่หรือเปล่า เจ้าหนู…”
เด็กน้อยพยักหน้าก่อนจะวื่งเข้าบ้านไป “แม่ แม่!! มีคนมาหาล่ะ แม่!!” เด็กชายที่อยู่ด้วยกันกลับไปที่บ้านของตนเอง ส่วนหญิงสาวผู้เป็นแม่ละมือจากงานที่ทำอยู่และตามเสียงเรียกของลูกชายออกมา
“ใครเหรอ คาซีล…?” นางเดินมามองชายคนนั้นก่อนจะนิ่งอึ้งไป…. เด็กน้อยไม่รู้ว่าแม่ของตนมีความรู้สึกอย่างไรต่อชายคนนั้น เธอเรียกเขาเข้าไปกอดแล้วอุ้มขึ้น…
“นี่..ท่านพ่อ นะ..คาซีล…” หญิงสาวยิ้ม…
คนผิวขาวตรงหน้าทั้งคู่ก็ยิ้ม…เขาสวมสร้อยคอพร้อมจี้สีเขียวใส่คอไว้ให้เด็กน้อย.. “ของขวัญ..จากพ่อ”……
แต่เด็กน้อยเรียกคำว่าท่านพ่อออกจากลำคอไม่ได้เลย….
แต่แล้วอีกคนก็ปรากฏขึ้นข้างหลังชายหนุ่ม…
เด็กสาวที่สูงกว่าเด็กชาย….
“น้องชาย…ของข้าเหรอคะ…?” เธอเดินเข้ามาใกล้…ดวงตาสีเขียวสองคู่สบกัน…. ก่อนรอยยิ้มตื่นเต้นจะปรากฏขึ้น.. “ข้าชื่อบริทจิต…เป็นพี่สาว”…
เด็กน้อยรู้สึกเขินอายจึงก้มหน้างุด….. “ขะ..ข้าชื่อ…คาซีล…..” ไม่ทันไรร่างเล็กก็ถูกอุ้มขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะของคนเป็นพี่สาว
“เราเป็น พี่น้องกันแล้วนะ!!”
อายุ 7 ปี สถานะ ชาวประมงฝึกหัด
ณ ชายหาด แหล่งไข่มุกของฟินเชอร์รี่
“เจ้าต้อง สูดหายใจเข้าให้เต็มปอด” หญิงสาวดันตาเลี่ยนคนหนึ่งกำลังสอนเด็กชายให้ดำน้ำเพื่อเลี้ยงชีพ “แล้วผ่อนลมออกมาเพื่อทำให้ร่างกายของเจ้าชินกับน้ำ แบบนี้” นางหายใจเข้าลึกๆ ให้หนูน้อยทำตาม จากนั้นจึงจับมือเล็กๆไว้ก่อนจะพาลงดำน้ำเพื่อผ่อนลมออก
“บุ๋งๆๆ” ฟองอากาศมากมายไหลออกจากปากทำให้เด็กชายรู้สึกตื่นเต้น เมื่ออากาศหมดเขาโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำและทดลองทำอีกครั้ง
การกระทำเช่นนั้นทำให้หญิงสาวดีใจ.. ลูกของนางชอบทะเล และดูเหมือนว่าเขาจะว่ายน้ำได้โดยที่นางไม่ต้องสอน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังห้ามให้เด็กชายไม่ให้ไปที่ลึกมากนัก
“ทำไมเหรอท่านแม่ ข้าเห็นพวก ลุงป้าไปดำผุดดำว่ายกันตรงนั้น ข้ายังไปไม่ได้เหรอ…?” เด็กน้อยถามด้วยความสงสัย แม่ของเขาส่ายหน้ายิ้มให้
“เจ้าพึ่งดำน้ำในที่ลึกวันแรก คาซีล” สองมือแม่ช้อนตัวของลูกขึ้นไปยืนบนหิน ตรงที่แม่ยืน พึ่งจะพ้นหัวเจ้าเพียงนิดเดียวเท่านั้น หากความซุกซนทำตัวเจ้าปลิวไปกับคลื่นทะเล แม่จะทำอย่างไรดี ฮึ อยู่ที่ตื้นๆ ว่ายน้ำให้แข็งและดำน้ำให้ได้นานๆเสียก่อน แล้วแม่จะพาไปหาของดีฟินเชอร์รี่” หญิงสาวไหล่กว้างผิวเข้มที่ใส่เพียงเกาะอกและกางเกงสีดำตัวสั้นเพื่อการดำน้ำนั้นหอมแก้มเด็กน้อยก่อนจะเอ่ยเรียกเด็กหนุ่มอีกคนที่ดำผุดดำว่ายแถวนั้น
“โยชา น้าฝาก เจ้าจอมซนนี่ด้วย” เด็กตัวผอมหันมองคนที่กำลังย่างเข้าวัยรุ่นก่อนจะยิ้มแป้นแล้วโบกมือไวๆให้กับคนที่เดินมาจากหลังโขดหินพร้อมกับของในย่ามที่ได้จากทะเลมามากมาย
เขามีรูปร่างที่ออกจะกำยำตั้งแต่เล็ก พอย่างเข้าวัยรุ่นยิ่งดูแข็งแรงและโตกว่าเด็กรุ่นเดียวกันมากนัก อีกทั้งยังเป็นหัวหน้ากลุ่มของเด็กๆในย่านท่าเรือนี่อีกด้วยและที่สำคัญ…
เป็นพี่ชายข้างบ้านของคาซีลเอง โยชาจึงเห็นเด็กน้อยเหมือนน้องแท้ๆของตน
ด้านหลังของเด็กตัวใหญ่ก็มีเด็กวันรุ่นชายหญิงอีกสามคนเดินตามมา ทั้งหมดเป็นน้องแท้ๆของโยชาทั้งสิ้น ต่างถือย่ามตาข่ายใส่ของมากันทั้งนั้น
รอยยิ้มมั่นใจในตนเองของเด็กหนุ่มผุดขึ้นที่ริมฝีปาก “ได้เลยน้า เดี๋ยวข้าจะดูให้ รับรอง ไม่ปลิวไปกับทะเลอย่างแน่นอน” น้ำเสียงที่เริ่มแตกหนุ่มทำให้เขาดูห้าวหาญมากขึ้นกว่าเดิมก่อนจะเดินไปยังที่คาซิลอยู่ “ไป ไอ้หนู ข้าจะสอนเจ้าให้ปอดแข็งจนไปดำหาหอยไข่มุกงามๆได้เลยทีเดียว!”
“งั้นข้าไปก่อน” หญิงสาวเอ่ยก่อนจะเดินสะพายย่ามตาข่ายขึ้นจากน้ำตื้น เพื่อไปยังแหล่งไข่มุขที่น้ำลึกกว่ามากมายนักโดยไม่ลืมหอมแก้มนิ่มของลูกชาย
“ฮิฮิ แม่ฮะ เย็นนี้ข้าอยากกินปลาย่าง!” คาซีลโบกมือไวๆก่อนจะหันไปวิ่งตามโยชาไป..เด็กน้อยดึงย่ามของเด็กชายเบาๆ “วันนี้พี่จะสอนอะไรข้าเหรอ” แล้วเงยหน้าขึ้นมองคนที่สูงเลยเขาไปหนึ่งช่วงตัว
โยชากอดอกแล้วโคลงหัวก่อนจะนึกอะไรได้ เขาเสยผมตัดสั้นขึ้นทั้งที่ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วก้มมองเด็กน้อยที่มองกลับมาด้วยแววตาเป็นประกายอยากเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ
มือที่เริ่มใหญ่วางลงบนหัวทุยแล้วขยี้จนฟูแล้วก้มลงกระซิบ “สะเดาะกุญแจเป็นไง” แล้วก็หยิบลวดที่หยักแปลกๆสองเส้นขึ้นมาให้เด็กน้อยที่ตาเป็นประกายวิ้งดู “น่าสนุกไหมล่ะ ไอ้หนู” พร้อมกับเสียงหัวเราะหึหึของหนุ่มสาวที่เดินตามมาข้างหลัง
“ข้ามีหีบสองสามใบ และแม่กุญแจอีกเป็นสิบแบบให้เจ้าฝึกหัด ทำได้ครบเมื่อไหร่ข้าจะพาเจ้าไปลองของจริง” โยชาหัวเราะก่อนจะจูงมือเด็กน้อยไปยังสถานที่ลับสำหรับ…
กลุ่มโจรเด็ก…
เด็กชายโดนสอนให้ขโมยตั้งแต่เล็ก… เพราะเขาไม่มีพ่อ แม่ก็ต้องคอยทำงานหาเงินเลยไม่มีเวลาดูแลมากเท่าไหร่ การที่จะโดนหลอกให้คล้อยตามคนรอบข้างนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายนัก และมันถูกปิดเป็นความลับกับมารดามาโดยตลอด ที่ผ่านมานางคิดแค่ว่าพวกเด็กๆพาไปเล่นกันเท่านั้น..
กว่านางจะรู้ว่าลูกของเธอเป็นโจรก็ผ่านไปเกือบหกปี…
และกว่าคาซีลจะรู้เรื่องรู้ราวว่าสิ่งที่ตัวเองทำเรียกว่าโจรก็ย่างอายุเข้าสิบขวบไปแล้ว แต่ตัวเด็กน้อยเองก็ไม่คิดจะเลิกการกระทำนี้แต่อย่างไร เพราะมันแสดงให้เห็นแล้วว่าการได้เงินมันได้มาง่ายกว่าใช้แรงงานเข้าแลกแบบแม่ของตนมากมาย อาจจะมีเสียงถึงชีวิตแต่ผลที่ได้มามันก็คุ้มค่า
อายุ 9 ปี สถานะ นักเต้นฝึกหัด
โยชามีผู้หญิงมาอยู่บ้านด้วย….
ดวงตาสีเขียวมองสตรีคนสวยเป๋ง….
พี่สาวคนสวยก็มองเด็กน้อยอย่างเอ็นดู….เธอเป็นดันเตเลี่ยนผมยาวหยักโศกหนา ดวงตาคมสวย รูปร่างดี อย่างที่หลายๆคนต้องอิจฉา…
ตั้งแต่วันนั้นมา ยารี ไม่เคยออกจากบ้านของโยชาอีกเลย…
“คาซีลมานี่สิจ๊ะ..” มือเรียวกวักเรียกให้เด็กน้อยเดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย
“ฮะ พี่สาว…?” ขาที่กำลังยาวขึ้นก้าวไปตามเสียงเรียก บนในหน้ามองรอยยิ้มสดใสอยู่เต็มที่… เขาชอบพี่สะใภ้คนนี้มาก ทั้งสวยและใจดี แถมยังเอ็นดูเขาอยู่มากทีเดียว
เธอหอมเด็กชายซ้ายขวา “นี่แหนะคาซีล พี่จะสอนเจ้าเต้นรำ” รอยยิ้มสวยดึงดูดให้ตอบตกลง….
“งั้น ขอเวลาให้พี่จากโยชาซักวันนึงต่อเจ็ดวันแล้วกันนะน้องชาย” นางจับมือเล็กๆแล้วจูงเข้าไปในบ้าน และใช้เวลายามว่างของเธอสอนให้เด็กชายเต้นระบำหลากหลาย…
เพราะยารีเป็นต้นแบบ ทำให้หนูน้อยคาซีลชื่นชอบที่จะเข้าหาพี่สาวคนสวย และเพราะความน่ารัก และความกะล่อน ทำให้เขามีพี่สาวต่างสายเลือดมากมายในแถบนั้นที่รักและเอ็นดูไม่ขาด ทำให้เขาแทบจะไม่ขาดของกินเลยแม้แต่น้อย แถมยังได้รับความรัก และการขึ้นครูโดยไม่ต้องเสียเงินเมื่อย่างเข้าวัยรุ่นอีกด้วย
อายุ 11 ปี สถานะ ช่างไม้ฝึกหัด
“ฟังนะคาซีล นี่เป็นครั้งแรกที่จะให้เจ้าฉายเดี่ยว” โยชาที่ตอนนี้กลายเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้วพูดกับเด็กชายที่ย่างเข้าวัยรุ่น แต่ก็ยังตัวเล็กอยู่ดีสำหรับเขา
“หากถูกใครจับได้ให้ตอบไปว่า..เจ้าชื่อเครซ… งัดความกะล่อนที่ข้าสอนขึ้นมาให้หมดเพื่อเอาตัวรอดเข้าใจไหม..” มือใหญ่ยีแก้มเด็กชายอย่างเอ็นดูก่อนจะยันไหล่ที่เริ่มกว้างขึ้นอย่างเพศชายที่ดีให้ออกไปสู่ตลาดกว้างเพื่อทดสอบฝีมือการขโมย ส่วนตนเองเดินหายไปอีกทาง
เมื่อโดนปล่อยเคว้งไว้กลางตลาดใหญ่แล้ว เขาก็เริ่มรู้สึกใจฝ่อเล็กๆ ตลอดมาจะมีแผ่นหลังใหญ่คอยนำหน้า และพาวิ่งอยู่ตลอด แต่วันนี้…ไม่มีแล้ว
น้ำลายถูกกลืนลงคอเอื้อก สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเดินเข้าตลาดไปอย่างปกติที่ทำอย่างทุกวัน…
วิธีเลือกเหยื่อ…
เสียงของโยชาแว่วเข้ามาในหัว
ต้องเลือกคนที่เจ้ามั่นใจว่าจะขโมยได้อย่างแน่นอน เช่น คนแก่หรือคนกำลังยุ่งง่วนกับอะไรซักอย่าง เมื่อเลือกแล้วก็สังเกตุซะว่า เขาแข็งแรงแค่ไหน อ่อนแอกว่าเจ้าหรือเปล่า จะหนีได้ทันไหม เมื่อมั่นใจแล้วก็…ลงมือ
ดวงตาสีเขียวมองไปรอบๆ…คนแก่..คนแก่….จนกระทั่งเจอคนแก่ที่ดูจะใจดีคนหนึ่ง แต่ร่างเขาสูงใหญ่กำยำอย่างคนใช้แรงงาน แต่ก็ยังเฝ้าสังเกตต่อไป…
เหยื่อที่คาซีลได้เลือกไว้คนนี้กำลังนั่งห่อเหี่ยวอยู่เงียบๆ และมองทะเลอย่างเหม่อลอยราวกับหมดอาลัยตายอยากในชีวิตแล้ว… ถุงเงินที่พันกับเอวไว้ก็ดูมีไม่มาก และเขาก็ดูไม่มีกะใจจะทำงานหาเงินเพิ่มเหมือนคนอื่นๆ…
เด็กชายก้าวเข้าไปใกล้เรื่อยๆ….
วิธีฉกตัง
เสียงของโยชาลอยเข้ามาในหัวอีกครั้ง
เจ้าต้องทำให้เร็วและไวเหมือนตอนแทงปลาในทะเล รู้ไหมไอ้หนู ขั้นแรก ต้องเข้าให้ใกล้ที่สุด
คาซีลเดินเข้าไปใกล้ลุงแก่คนนั้นเรื่อยๆด้วยใจที่เต้นระทึก เขาพยายามจะเดินให้เป็นปกติธรรมชาติ อย่างที่เด็กๆเล่นกัน เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต แต่สิ่งที่ปรากฏออกมามันขัดกันลิบ เด็กชายเดินแข็งเหมือนเป็นตระคริว และโดยไม่ได้ตั้งใจสะดุดล้มใส่เป้าหมายพอดี มือก็ไปคว้าเอาถุงเงินตามความเคยชิน แต่ลืมฉกฉวยเก็บซ่อนไว้อย่างที่ควร
แรงโดนล้มใส่เรียกให้นัยน์ตาที่เริ่มมีแววหันกลับมามอง ในตอนแรกชายแก่มุ่นคิ้วก่อนจะส่ายหน้า
“เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ไปเที่ยวเล่น มาหัดขโมยเงินคนแก่”… ผู้พูดลุกขึ้นนั่นทำให้เห็นว่าลุงคนนี้ไม่ได้ดูอ่อนแรงเหมือนตอนนั่งเลยแม้แต่นิดเดียว…
ซวยแล้วตัวข้าเอ๊ย……..
“ทะ..ท่านลุงเข้าใจผิดแล้วขอรับ…คือ…ข้าแค่ตะคริวกิน แล้วก็บังเอิญล้มไปโดนท่านลุงเท่านั้นเอง” รอยยิ้มแห้งจ๋อยหมาหงอยถูกนำขึ้นมาใช้อย่างที่ซ้อมหน้ากะละมังใส่น้ำแล้วคิดว่าดูน่าสงสารก่อนจะยื่นถุงเงินคืนให้ “ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ…นะขอรับ…”
ชายแก่คนนั้นมองตัวเด็กหนุ่มอยู่นาน…ซักพักจึงยกมือขึ้น…
แย่แล้ว…แย่แล้ว โดนฟาดแน่
ในขณะที่กำลังจะหันหลังแล้ววิ่งหนี มือใหญ่ก็วางลงมาบนผมสีดำตัดสั้นและยุ่งเหยิงของเด็กหนุ่มจนยุ่งเข้าไปอีก…
“มีบ้านหรือเปล่า ไอ้หนู”… เขายิ้มอ่อนโยนขึ้นมาทันทีทำให้คาซีลรู้สึกประหลาดใจ…
“…อะ…เอ่อ…..ไม่มีขอรับ…” คำพูดโกหกออกจากปาก สีหน้าแกล้งเศร้าอย่างที่ได้หัดมาจนคิดว่าน่าสงสารที่สุดแล้ว….
“มิน่า ถึงทำตัวอย่างนี่…มานี้ ข้าจะดูแลเจ้าเอง” ชายแก่แข็งแรงอุ้มเด็กอายุสิบเอ็ดปีขึ้นก่อนจะเดินจ้ำๆฮึดไปยังบ้านของตน…
นั่นทำให้คาซิลตกใจมาก “….ละ..ลุง! ตะ..แต่ข้ายังมีแม่นะขอรับ..!!” ด้วยความลนลานจึงโพล่งออกไป ทำให้การก้าวเดินนั้นหยุดชะงักก่อนจะมองสบตากัน…
“งั้นไปบอกแม่เจ้าด้วยกัน ว่าข้าจะสอนให้เจ้าทำมาหากิน!” ชายแก่ที่ทำหน้าเศร้ามาตลอดยิ้มร่า “แม่เจ้าอยู่ไหน..?”
นิ้วเล็กๆชี้ไปที่ทะเล “แม่ของข้าหาปลาอยู่……” ตาโตสีเขียวมองใบหน้าของคนที่อุ้มตนอยู่ สีหน้าดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีก่อนจะก้าวเดินดุ่มๆไปยังชายทะเล
เขาวางคาซีลลงเพื่อที่จะให้เด็กน้อยวิ่งไปหาแม่ของตนที่ก้าวเดินขึ้นมาจากทะเลพร้อมกับปลาที่แขวนเชือกพร้อมขายแล้วในมือ “แม่!!” ขาที่เริ่มยืดยาวตามวัยวิ่งไปกอดเอวของหญิงสาว นางย่อตัวลงรับกอดนั้นไว้ก่อนจะเงยหน้ามองคนแปลกหน้า
ชายชราที่ยังคงแข็งแรงเหมือนชายหนุ่มเดินเข้าไปหาพร้อมรอยยิ้มกว้าง “ข้าชื่อ อิดาห์ แม่หญิง.. เป็นช่างไม้อยู่ที่ชานเมืองฝั่งโน้น เจ้าว่าอย่างไรหากข้าจะขอรับลูกของเจ้าไปสั่งสอนวิชาไม้เสียหน่อย ได้หรือไม่..?”
แม่ของเด็กน้อยได้ฟังก็ตาโต การได้ร่ำเรียนไม่ใช่สิ่งที่นางจะหาให้ลูกของนางได้ เธอลุกขึ้นยืนมือยังจับจูงมือเล็กไว้ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้า วีลนาค่ะ” รอยยิ้มดีใจผุดขึ้นบนใบหน้า “แต่ข้าเกรงใจท่านนายช่างเหลือเกิน อยู่ๆมารับลูกของข้าไปสอน ข้าไม่มีเบี้ยเงินหรือค่าตอบแทนใดๆให้ท่าน”
“อย่าได้ห่วงไปเลยแม่หญิง แค่เด็กน้อยคนนี้มาร่ำเรียนกับข้าก็ถือเป็นค่าตอบแทนแล้ว” รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของอิดาห์ “เขามีความคล้ายคลึงกับหลานของข้าที่หายไปกับทะเลเหลือเกิน” เสียงในช่วงท้ายเบาลง…
คาซิลยังไม่เข้าใจคำว่าหายไปในทะเลเท่าใดนัก..
หากแต่แม่ของเขาเข้าใจเต็มอก…
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอฝากลูกของข้าด้วย ท่านนายช่าง” นางจัดผมของนางให้เรียบร้อยก่อนจะย่อลงเพื่อขอบคุณ “แล้วข้าจะไปเยี่ยมเขาทุกเย็นหลังตลาดวาย” วีลนาดึงเด็กน้อยมากอดแล้วหอมแก้ม “แล้วแม่จะเอาอาหารเย็นไปฝากนะ ตั้งใจเรียนกับนายช่างด้วย”
เดี๋ยวนะ…
นี่ข้าต้องไปเรียนวิชาไม้เหรอ…?
คาซีลยืนงงๆแต่เมื่อแม่ของตนบอกให้ไป เขาก็ไป.. โดยมีสายตาของโยชาที่มองอย่างสงสัยว่า เด็กในกลุ่มของเขาไปขโมยท่าไหนถึงได้ไปเรียนวิชาหากินได้เสียอย่างนั้น….
ไม่เพียงแค่นั้น…
นายท่านช่างไม้ยังสอนให้เด็กน้อยอ่านออกเขียนได้อีกด้วย
ในทุกเช้าชายชราจะพาเขาไปที่หาดทรายพร้อมทั้งกิ่งไม้ยาวและสอนให้อ่านอักษร….
“ตัวเอ…เขียนอย่างนี้” ไม้ยาวปักลงบนทรายก่อนจะลากให้ปรากฏเส้นประกอบกันเป็นตัวอักษร และต่อไป ตัวบี ตัวซี จนถึงตัวแซด… หากเขียนผิดก็ลบเขียนใหม่ได้โดยไม่ต้องเปลืองกระดาษ…
การจับเจ่าอยู่ที่ทรายและตัวอักษรทั้งวันทำให้เด็กน้อยเบลอนิดๆ แต่ก็สามารถอ่านและเขียนตัวอักษรทั้งหมดได้อย่างครบถ้วยภายในวันเดียว นั่นยิ่งทำให้นายช่างปลาบปลื้มใจยิ่งนัก วันเวลาผ่านไปวันแล้ว วันเล่า จนสามารถอ่านประโยคเป็นคำง่ายได้แล้ว คาซีลจึงถามชายแก่ขึ้น
“ทำไมถึงรับข้ามาสอนหนังสือละขอรับ..?” เขาเงยมองด้วยแววตาใสแป๋ว ทำให้นายช่างยีหัวด้วยความเอ็นดู
“เจ้าคล้ายหลานของข้านัก เครซ… แต่หลานข้าไม่ทันอยู่ให้ข้าสอนหนังสือ เลยต้องมาสอนเจ้าแทน… เอาล่ะ เจ้าคงเบื่อตัวอักษรพวกนี้แล้ว ไปจับเครื่องมือกันดีกว่า”
อิดาห์พาเด็กน้อยไปยังที่ทำงานของเขา มีอุปกรณ์ทำงานไม้เต็มไปหมด การเรียนรู้การใช้อุปกรณ์พวกนี้ง่ายกว่าการเรียนด้วยตัวหนังสือมากนัก
เหมือนการเรียนว่ายน้ำ หากทำได้ครั้งหนึ่งแล้วก็ยังจะทำได้อีกในครั้งต่อๆไป การประกอบเก้าอี้ตัวเล็กๆใช้เอง การทำหีบใส่ของ การต่อโต๊ะ การประกอบถังลังทำไวน์ ความรู้เรื่องไม้และความสามารถในการช่างไหลเข้าสู่เด็กน้อย…
จากเด็กน้อย เริ่มเติบโตเป็นวัยรุ่น แต่กระนั้น ระหว่างที่กำลังตอกไม้โป๊กป๊าก โยชาก็ยังมาหิ้วคาซิลไปเป็นขโมยอยู่ดี
มันเป็นช่วงเวลาที่อิดาห์ปล่อยให้เด็กในความดูแลของเขาไปวิ่งเล่นตามประสาเด็ก พี่ชายใหญ่ก็ใช้โอกาสนี้ถือเป็นเรื่องเล่นสนุก ใช้ให้ไปขโมย สะเดะกุญแจอยู่เรื่อยไป และน่าแปลกใจนัก มันมักจะสำเร็จทุกครั้งโดยที่คาซีลไม่โดนจับได้
ทักษะการแสดง การโกหกของเขาเพิ่มขึ้นพรวดพราด ถามว่ารู้สึกผิดไหมที่ต้องโกหกนายช่าง…ตอบเลยว่าไม่.. อาจจะเพราะการเลี้ยงดูมาแบบผิดๆของโยชา ทำให้สามัญสำนึกบางอย่างของคนปกติที่ควรจะมีนั้น
…ไม่มี…
แต่ถึงจะมีการขโมยทุกวัน แต่สิ่งหนึ่งที่โยชาไม่ขาดตกบกพร่องเลยก็คือ การสอนให้เด็กน้อยจับปลาและหาไข่มุกได้… ลึกๆในใจของชายหนุ่มแล้วก็ยังคงทำหน้าที่ที่ๆได้รับปากกับวีลนาได้เป็นอย่างดี… การสอนใช้ใช้ชีวิตร่วมกับทะเล เป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญที่ชาวฟินเชอรี่ทุกคนต้องทำได้…
อายุ 15 สถานะ ลูกเรือฝึกหัด
ในขณะที่กำลังกลับเข้าบ้านในเย็นวันหนึ่งที่คาซีลไม่ได้กลับมาพักใหญ่ๆเพราะมัวแต่ไปเที่ยวเล่น พี่สาวข้างบ้านวิ่งมาด้วยสีหน้าแตกตื่น
“คาซีล! แม่ของเจ้า แม่ของเจ้า!!” นางวิ่งมาหยุดหอบตรงหน้าเขาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
“พี่ยารี ใจเย็นๆ หายใจเข้าลึกๆ แม่เป็นอะไร” เด็กหนุ่มจับไหล่ของนาง เพื่อให้สงบอารมณ์ลง ใบหน้าสวยซีดและเหงื่อไหลซึม ดวงตากลมโตมองลงมายังเด็กน้อยที่ตอนนี้สูงเกือบจะเท่านางแล้ว
“แม่ของเจ้า……หายไปในทะเล!”
อะไรนะ….. หายไปในทะเล….!
เขาละจากพี่สาวทันทีแล้ววิ่ง วิ่ง วิ่ง ไปยังชายหาดที่แม่ของเขาไปดำน้ำทุกวัน… สายตาพบชาวประมงที่รู้จักกันมากมายดำผุดดำว่ายช่วยกันหาอยู่ไม่ขาด
“มีใครเจอวีลนาหรือยัง!!” เสียงตะโกนถามกันไปมาลั่นไม่ขาดสาย คาซีลรีบกระโดดลงไปในทะเลและว่ายน้ำอย่างคล่องแคล่ว
แม่… แม่…
อยู่ไหน………
จวบจนพระอาทิตย์ตก ท้องฟ้ามืดค่ำทุกคนก็ล้มเลิกการค้นหา… โยชาต้องลากคาซีลกลับบ้าน.. เด็กหนุ่มน้ำตานองหน้าปนกับน้ำทะเลที่อาบตัว….
พี่สาวเล่าว่า แม่ของเขาไอมาสองสามวันแล้ว แต่ก็ยังฝืนไปลงทะเลเพราะจำได้ว่า ตนจะกลับมาวันนี้..แม่อยากไปหาปลาตัวใหญ่ๆมาให้เขากิน และจับหอยนางรมที่เขาชอบมาขึ้นโต๊ะกินข้าวเล็กๆของเรา….
ได้ยินแบบนั้นเด็กหนุ่มยิ่งร้องไห้….
เขาไม่เคยสูญเสียอะไรมาก่อนในชีวิต…..
และสิ่งแรกที่หายไปคือ….แม่….ของเขาเอง…
มือที่เริ่มใหญ่ขึ้นเก็บของของมารดาลงหีบใบเล็ก น้ำตาได้แห้งไปแล้วเหลือแต่ความเศร้าหมอง… ในขณะที่สะบัดผ้าคลุมเตียง ถุงกำมะหยี่เล็กๆก็กระเด็นออกมา..
“อะไร…?” เขามุ่นคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะก้มลงหยิบถุงนั้นขึ้นมาแล้วเปิดออกดู…ข้าในมีต่างหูห่วงทองคู่หนึ่ง
และมีโน๊ตเล็กๆเขียนไว้…
“แด่ วีลนา…ที่รัก”
เขาพอจะเดาได้ว่าใครให้…… พ่อที่ไม่เคยโผล่หน้ามาให้เห็นอีกเลยตลอดสิบกว่าปีนี้…. คาซีลส่ายหน้า ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วตรงไปหาพี่สาวข้างบ้านที่อยู่รอเพื่อเขาเสมอ…
ไม่ต้องเคาะประตูด้วยซ้ำ ขาก็ก้าวไปในบ้าน รับกอดจากยารีเพื่อปลอบเขา…
“พี่…เจาะหูให้ข้าหน่อย..” พร้อมกับยื่นถุงต่างหูให้…. และจากวันนั้น…ห่วงทองคู่นี้ก็อยู่กับตัวเขา…ตลอดไป…
แต่ถึงอย่างนั้น เด็กหนุ่มก็รู้สึกเคว้งคว้างไรจุดหมายเหลือเกิน…เขาเดินเหม่อไปเรื่อยๆตรงไปยังท่าเรือ…และได้พบกับโยชาที่กำลังคุยกับลุงคนหนึ่งที่ดูท่าทางจะเป็นกัปตันเรือ…เมื่อเห็นคาซีลจึงรีบลากคอเข้าให้มาหาอย่างกระตือรือล้น
“นี่ลุง ข้าจ่ายให้แล้ว เอาไอ้หนูเครซของข้าขึ้นเรือไปด้วยนะ อยู่บ้านมันมีแต่จะหมดอาลัยตายอยาก”… กว่าที่เขาจะได้โต้แย้งหรือขัดขืน ร่างกายที่กำลังโตก็ลอยหวือขึ้นเรือไปแล้วด้วยแรงอันมากมายของกัปตันผิดกับอายุเหลือเกิน
“ได้เลย ไอ้หนุ่ม ข้าจะดูแลอย่างดี มา เครซ ข้าจะสอนเจ้าใช้ชีวิต”…รอยยิ้มร่าและเสียงหัวเราะดังของลุงที่ล็อคคอเขาอยู่ทำให้สะดุ้งขึ้นมาว่าตอนนี้ตนอยู่บนบันไดเรือ และโดนดึไปยังกาบเรือเรื่อยๆ…ในที่สุด…กว่าจะรู้ตัว สองมือของเขาก็กำลังกำเชือกเพื่อผ่อนใบเรือแล้ว…และแล่นออกจากฝั่งเรียบร้อยแล้ว
ถามข้าบ้างไหมโยชาโว้ยยยยย ถามน่ะ ถามมมม เจ้าถามข้าเป็นไหม…
โว้ยยยยยยยยยยยยย!!!!
อายุ 19 สถานะ ลูกเรือบลูไวเปอร์
ณ ริเบอโร่…
เครซจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองขึ้นเรือของใครมาหล่นแหมะที่นี่… แต่เขารู้อย่างหนึ่ง….
ลูก้า โมโรนี่ เท่มาก…
มีข่าวว่ากัปตันเรือบลูไวเปอร์เทียบท่าเรือที่นี่ เขาเคยได้ยินชื่อและมองไกลๆอยู่หลายครั้ง… เรียกได้ว่าชายหนุ่มลอบสังเกตและรวบรวมข่าวของคนคนนี้มาซักพักแล้ว…
…..และการติดตามก็ดำเนินต่อไป….
และหลายครั้งที่ชายคนนั้นยิ้ม…ทำให้เขาคิดถึงรอยยิ้มของโยชา…. เมื่อมานั่งคิด..นอนคิด แล่นเรือคิด…เขาพึ่งรู้ว่า การที่อีกฝ่ายผลักไสขึ้นเรือ เพื่อเป็นบทเรียนข้างถนนสุดท้ายแก่เขา
อย่าจมกับอดีต…และมองไปข้างหน้า เอาชีวิตรอด…
ยามค่ำวันหนึ่ง เครซอยากจะหาอะไรดื่มเล่นแก้เบื่อซักหน่อย เขาเปิดประตูก้าวเข้าไป สิ่งแรกที่ปรากฏสู่สายตาคือ แผ่นหลังและเส้นผมยาวที่คอยตามมองมาตลอดในช่วงนี้…
ลูก้า
การพบกันในร้านเหล้านั้นตื่นเต้น…หากเขาเป็นฝ่ายที่ลอบมองคนที่กำลังตะลุมบอลอยู่ร้านเหล้า… เมื่อเห็นว่ามีคนจะลอบกัดข้างหลังเขาจึงแอบช่วยเหลืออย่างเงียบๆ….
และไม่คาดคิด… ชายคนที่เขาชื่นประกาศรับลูกเรือ
รอช้าทำไม……
โอกาสมาแล้วนะ….ไปคว้าไว้เร็ว!
และการต่อแถวเพื่อพูดคุยกับลูก้า โมโรนี่ ก็เริ่มขึ้น