Thankgiving-Royalnavy

Words 4038

Character วาคิมอส รีส ลูก้า เอนดี เจอร์รี่

Thankgiving

“ไม่ใส่ชุดสตรี!”  ข้าพบตัวเองอยู่ในร้านจำหน่ายชุดหรูย่านคนรวยใจกลางเชวาเรีย พร้อมทั้งพันจ่าเอก วาคิมอสจอร์เดนที่หยิบชุดกระโปร่งหรูหราขึ้นทาบไหล่ของข้า

“ใส่ซะ ข้าสั่ง” เขาเอ่ยย้ำก่อนจะหันไปกระซิบกระซาบกับหญิงสาวเจ้าของร้านเพื่อให้ข้ายอมใส่ให้ได้…

แน่นอน ใครจะยอม!

มือฉวยคว้าเอาชุดบุรุษแถวนั้นขึ้นมาส่งๆและประกาศว่าจะใส่ตัวนี้เท่านั้น หากแต่ว่าผู้ขายชุดนั้นปราดเข้ามาและคะยั้นคะยอให้ข้าถือติดมือเข้าไปในห้องลองชุด….

ไม่เคยคิดฝันว่าจะมาเจอเหตุการณ์โดนบังคับใส่ชุดสตรีชั้นสูงแบบนี้…..

——-

ย้อนกลับไปราวสิบวันก่อน…

“ฟินเชอรี่!!!!”

ข้าได้ยินใครซักคนแหกปากตะโกน ได้ยินเสียงไม้พาดกะไดเรือ เสียงเฮขึ้นฝั่งของลูกเรือคนอื่นๆ และใช่ข้าก็เฮไปกับพวกเขาด้วย

ฟินเชอร์รี่สำหรับบางคนก็คือบ้าน…

และแน่นอนสำหรับข้าด้วย  กลิ่นลมทะเลและคาวปลาที่คุ้นเคยลอยเข้าแตะจมูก หลับตาสูดมันซักพักก่อนจะลืมขึ้นมองไปยังจุดหมายบนบก วิวทิวทัศน์ที่เห็นแต่ยังเด็กอย่างไร ตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิด ผู้คนค้าขายจับปลา แผงขายไข่มุกเนื้อดี มีให้เห็นประปรายเต็มท่าเรือก่อนจะเป็นทางทอดยาวเข้าไปสู่ตัวเมือง

 

“เจอร์รี่” หันไปเรียกหัวหน้างานตัวเล็กของข้าก่อนจะยิ้มแป้น “ข้าจะกลับไปนอนบ้านซักสองหรือสามวันนะ” เมื่อเจ้าของชื่อรับคำ สองขาก็ก้าวเดินลงจากเรือ มุ่งสู่บ้านของตน

บ้านของข้าอยู่คาบเกี่ยวระหว่างท่าเรือและตลาด อ่อใช่ และห่างจากสถานเริงรมณ์ชนิดต่างๆไม่มากนัก ระหว่างทางก็พบเจอผู้คนที่คุ้นตาอยู่บ้าง เอ่ยทักทายและยิ้มให้ตามปกติ

ระหว่างทางก็ติดนิสัยขี้ขโมยเล็กขโมยน้อยไม่หาย มือฉวยเอาถุงตังเล็กๆจากเศรษฐีที่เดินสวนไปอย่างเบาหวิว เงินกำเล็กๆนี่ขนหน้าแข็งหมูตอนนั้นไม่ร่วง และคงไม่เดือดร้อนอะไรมากมาย ข้าแวะแผงแอปเปิ้ลใกล้ๆก่อนจะซื้อมาห้าหกลูกเพื่อไว้กินรองท้องตอนอยู่บ้าน

‘คืนนี่น่าจะแวะดื่มเหล้าให้เหมาหยำ…’ คิดอะไรก็ออกบนใบหน้าหมด ตอนนี้รอยยิ้มร่าอามรณ์ดีเผยชัดอยู่จนหลายคนแถวนั้นแอบขำ

เดินไปซักครู่จากแผงขายผลไม้ไม่ไกลก็ถึงย่านอาศัยของคนแถวนั้น ขาก้าวฉึบๆฮัมเพลงไปก่อนจะหยุดที่หน้าประตู ข้ามองซ้ายขวาชะโงกไปบ้านข้างๆเพื่อหาคนคุ้นเคย แต่ก็รู้สึกว่าพวกเขาจะไม่อยู่กัน… สงสัยแค่ชั่วครู่ว่าหายไปไหนกันก่อนจะหยิบกุญแจขึ้นไขประตูเข้าไป

‘แกร๊ก’

‘….แอ๊ด..’

 

ประตูเปิดออกเห็นไรฝุ่นจางๆไม่หนานักอยู่ตามพื้น…ถ้าวัดตามเวลาที่ไม่ได้กลับมาเหยียบบ้านแล้วนี่ถือว่าสะอาดมากทีเดียว…

“มีคนมาทำความสะอาดให้ด้วย…?” สายตามองไปรอบๆสำรวจความว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรของบ้าน ที่ดูเหมือนเป็นปกติ… หีบของใช้ของแม่ยังอยู่ที่เดิม เครื่องครัวถูกวางไว้เป็นระเบียบซึ่งล่าสุดก็จำไม่ได้แล้วว่าตัวเองวางส่งๆไว้ยังไง

รอยยิ้มผุดขึ้นนิดๆเมื่อนึกรายชื่อคนที่จะเข้ามาดูแลบ้านให้ได้น้อยชื่อนัก… “ไว้จะไปขอบคุณซักหน่อยแล้ว…อะไรดีนะ..บ๊ะ ช่างมันก่อนเถอะ” ย่ามถูกเหวี่ยงลงบนเตียงไม้แข็งๆที่มีผ้านวมบางๆปูไว้เท่านั้นก่อนจะปัดๆฝุ่นให้พอนอนได้

ก่อนจะวางแอบเปิ้ลถุงลงบนโต๊ะเล็กๆกลางบ้าน…มองรอบหนึ่งทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากบ้านไปอีกครั้งเพื่อหาของไปเป็นมื้อเย็น..

เดินไปตามทางย่านร้านอาหาร ในขณะที่กำลังคิดว่าจะจัดอะไรลงท้องดี ก็โดนมือใหญ่ปิดปากจากข้างหลัง จะรอช้าอยู่ทำไมศอกใส่มันอย่างแรงก่อนจะจับทุ่มลงพื้นดังอั่ก…

แสงแดดยามเย็นเผยให้เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร..

วาคิมอส จอร์เดน…

“เอาสร้อยมาคืนข้าเหรอครับ คุณทหาร” ข้ายิ้มทักทาย มองคนที่โอดโอยเบาๆก่อนจะลุกขึ้นยืน “มาซะไกลมาทำอะไรที่ฟินเชอร์รี่..?”

“พูดมากจริงไอ้หนู…” ฝ่ามือขาวตบปั่กลงมากลางกะบาลของข้า “ทักทายกันดีๆไม่เป็นหรือไง..?” สายตาดุคมมองข้าตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะยิ้มเยาะออกมา

อะไรวะ…?

“คนดีๆที่ไหนจะเข้ามาปิดปากคนอื่นยามใกล้ดึกแบบนี้ หืม”  มือกอดอกเลิกคิ้วมองอย่างไม่ยอมแพ้ จ้องใบหน้าขาวที่ไม่ได้เห็นมานานหลายเดือนอยู่เหมือนกัน

ราชนาวีนอกเครื่องแบบยิ้มมุมปากขึ้นอีกครั้ง “แล้วคนดีที่ไหนจับคนอื่นทุ่มแบบนั้นกัน”

ข้ากลอกตารอบหนึ่ง “แล้วไง ธุระของเจ้าคืออะไร..?” เอ่ยถามย้ำอีกครั้งก่อนจะมองรอบๆท้องไส้ก็เริ่มหิวขึ้นมานิดๆจริงๆแล้ว

และเหมือนเขาจะรู้ว่าข้าหิว หรือจริงๆแล้วเขาก็หิว “แถวนี้มีอะไรกินบ้าง ข้าอยากกินอาหารทะเล ขอร้านติดทะเล” ….

หืม…

โทษทีนะครับ..ข้าเป็นคนใช้เจ้าเรอะ..?

มือยกขึ้นนวดขมับวูบหนึ่งก่อนจะเงยมองคนที่สูงกว่า… ถึงข้าจะสูงขึ้นมากแล้วแต่ก็ยังไม่เท่าวาคิมอสอยู่ดี

“ข้าอุสาต์ลาพักร้อนมาตั้งหลายวัน อยู่กับข้าก่อนจะเป็นไรไป…” ฝ่ายนั้นหยิบจี้สีเขียวขึ้นแก่งไปมาผ่านหน้าเจ้าของไปอย่างยั่วยุ  “พาไปกินข้าวแถวนี้หน่อยสิ เจ้าถิ่น” เขายิ้มมุมปาก “แล้วจะคืนของรักของหวงให้”

รอช้าอะไรล่ะ มือคว้าหมับเข้ากับจี้ทันทีแต่คนตัวสูงนั้นจับข้อมือข้าไว้แล้วแย่งมันกลับไปได้ในทันที

“ไหนร้านอาหารทะเลของข้า นำไปสิเร็วเข้า”  พร้อมกับหน้าตายิ้มได้ใจนั้นทำให้ข้ากัดฟันกรอดอยู่ในใจก่อนจะยิ้มออกมา..

“ได้…ได้! เจ้าเลี้ยงนะคุณทหาร!”

และข้าก็พาไปผลาญตังค่าอาหาร ใช่….ผลาญ… เรียกไม่ผิดหรอก แต่มันก็ไม่ได้กระทบกระเป๋าเงินของชายหนุ่มมากนัก

พวกเราสั่งกันคนละห้าอย่าง ถ้าจำไม่ผิด อีกฝ่ายดูจะชอบกุ้งลอบเตอร์อบชีสเป็นพิเศษ เขาสั่งไวน์แดง ข้าสั่งเหล้ารัมและปฏิเสธแก้วพร้อมกระดกขึ้นดื่มจากขวด

เขาปรามข้าเรื่องเมาเหล้า ซึ่งอย่างน้อยห้าขวดถึงจะทำให้ข้าเมาได้ แตกต่างจากตัวเองที่เพียงขวดเดียวก็หน้าแดงก่ำไปทั้งตัว

 

จากนั้นก็เป็นไปตามที่ข้าคิดไว้ วาคิมอสขอให้ข้าไปอยู่กับเขา  ซึ่งข้าทำไม่ได้  และเมื่อบอกปัดไป สีหน้าผิดหวังและเศร้าสร้อยก็แสดงออกมาวูบหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นนิ่งขรึมเหมือนเดิม

ข้าไม่อยากให้เขาเดือดร้อน และแน่นอน ยิ่งไม่อยากทำให้บลูไวเปอร์เดือดร้อนเพราะปัญหาส่วนตัว

ชายหนุ่มจ่ายเงิน และเดินหน้าแดงๆไปยังชายหาดโดยที่จับมือข้าเดินไปด้วยกัน วาคิมอสถามสารทุกข์ที่ผ่านมาห่างจากสายตาของเขานั้น เป็นอย่างไร

“สบายดี เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” นั่นเป็นคำตอบที่ข้าให้กับเขาเสมอ… อย่างน้อยคิดว่าอีกฝ่ายจะสบายใจขึ้นบ้าง และปกปิดความจริงเอาไว้เยอะโข..

เราคุยกันเรื่องความรู้สึกของข้า.. นึกสงสัยมานานแล้วว่านายน้อยจอร์เดนคนนี้คารมดีตั้งแต่เกิดหรือไปฝึกหัดจากที่ไหนม่ถึงได้ไล่ตอนให้ข้าแสดงอาการก้าวร้าวอย่างดึงอีกฝ่ายเข้ามาจูบเพื่อตัดบทได้

แน่นอน..ข้าไม่ชอบการถูกไล่ต้อนแบบนี้

สิ่งที่ข้าทำได้หลังจากนั้นคือเดินหนี และสิ่งที่ตามมาต่อไป อีกฝ่ายเดินขึ้นมาทันเขา พูดอะไรซักอย่างที่ทำให้คนฟังรู้สึกเขินก่อนจะก้มลงจูบแผ่วเบา…

และจากนั้น เขาก็แสดงอาการงี่เง่าเหมือนเด็กออกมาเมื่อข้าไปพูดอะไรซักอย่างทำให้เขาโกรธ… เกี่ยวกับตัวข้าเอง..อาจจะเพราะรัมที่ข้าจับกรอกปากคนคออ่อนก็เป็นไปได้… แต่ไม่นานชายหนุ่มก็สงบลงด้วยตนเองเช่นกัน…

ข้าปฏิเสธที่จะบอกที่อยู่บ้านของตนเอง

และปล่อยให้วาคิมอยู่ที่ชายหาดต่อไป

แต่เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้ง ข้ากลับพบว่า… นี่ไม่ใช่ห้องนอนข้า.. อาการมึนหัวเล็กน้อยบอกได้เป็นอย่างดีว่าตนโดนโปะยาสลบ…

คิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน…ใคร…?

สายตามองไปรอบๆห้อง เสียงคลื่นลอยเข้าหู ห้องที่โคลงนิดๆบอกได้เป็นอย่างดีว่าข้าอยู่ที่ไหน…

ข้าก้าวลงจากเตียงอย่างเงียบเชียบมุ่งตรงไปยังประตู และเปิดออกเพื่อไปสำรวจโดยรอบก่อนจะพบคนที่คุ้นหน้าตา.. ขาตวัดเตะให้อีกฝ่ายกระเด็ดถอยห่างออกไปอย่างโมโห…

วาคิมอส!!

เขามุ่นคิ้วกุมท้อง..คงจะจุกล่ะสิ หึ!! ข้าไม่สนใจ แต่ก้าวฉับๆไปที่กาบเรือก่อนจะหันไปถามแทบจะเป็นเสียงตะคอก

“จะพาข้าไปไหน!!”

ร่างใหญ่สีขาวเดินมายืนข้างๆ “เชวาเรีย… มีงานเลี้ยงเล็กๆที่ข้าอยากพาเจ้าไปด้วย”

“แล้วชวนดีๆไม่เป็นหรือไง” ข้าถามไปอย่างเหลืออด ใครบ้างที่จะชวนคนอื่นไปไหนมาไหนด้วยวิธีนี้…มือยกขึ้นนวดขมับ นึกถึงเรือบลูไวเปอร์ขึ้นมาทันที เจอร์รี่จะวุ่นวายหรือเปล่านะถ้าข้าไม่กลับไปในสองสามวันอย่างที่บอกไว้….

“ชวนดีๆอย่างกับเจ้าจะมา…” ฝ่ายนั้นหายใจขึ้นจมูก….เหมือนจะเหลืออดกับข้าอยู่มากทีเดียว….

อะไรวะ

ข้าสิโว้ยที่ต้องเหลืออดไม่ใช่เจ้า!!

 

“ขอเหตุผลดีๆซักข้อซิ ทำไมเจ้าถึงทำเรื่องงี่เง่าแบบนี้”  หายใจเข้าออกทำตัวให้สงบ คิดถึงสถานการณ์ทั้งหลายที่จะเกิดขึ้น…แต่ยังไม่ทันจะได้มโนอะไร อีกฝ่ายก็สวมเข้ากอดจากด้านหลังพลางกระซิบเบาๆ..

“คิดถึง”….

…………

……………..

ข้าพูดอะไรไม่ออกไปสามนาที….

“งั้นมาตกลงกัน ข้าจะอยู่จนกว่าจะถึงงานเลี้ยงที่ว่านั่น แต่หลังจากนั้นข้าจะกลับทันที… ตกลงหรือเปล่า…?”

ข้ามองเขา…..วาคิมดูลังเล

“ตลอดไปไม่ได้หรือไง”……..มือข้ายกขึ้นนวดขมับอีกครั้ง….

“ก็ได้…หลังจบงานเลี้ยง…” ชายหนุ่มดูจะไม่เต็มใจนักที่จะพูดอย่างนั้นก่อนจะยื่นมือออกมาหา… ข้าจึงตบมือลงไปเบาๆเป็นสัญญาว่าจะไม่หนี…..

และนั่น…

ทำให้ข้าต้องมาติดแหงกอยู่ร้านเสื้อผ้าบ้าๆนี่!

“ไม่ใส่ชุดสตรี!”  มือปัดชุดฟูฟ่องสีทองออกให้พ้นสายตาไป

“ใส่ซะ ข้าสั่ง” เขาเอ่ยย้ำก่อนจะหันไปกระซิบกระซาบกับหญิงสาวเจ้าของร้านเพื่อให้ข้ายอมใส่ให้ได้…

แน่นอน ใครจะยอม!

มือฉวยคว้าเอาชุดบุรุษแถวนั้นขึ้นมาส่งๆและประกาศว่าจะใส่ตัวนี้เท่านั้น หากแต่ว่าผู้ขายชุดนั้นปราดเข้ามาและคะยั้นคะยอให้ข้าถือติดมือเข้าไปในห้องลองชุด….

ไม่เคยคิดฝันว่าจะมาเจอเหตุการณ์โดนบังคับใส่ชุดสตรีชั้นสูงแบบนี้…..

ข้ากัดฟันในใจก่อนจะหอบทุกอย่างเข้าไปในห้องลองเสื้อที่ค่อยข้างกว้างโข..มาพอสำหรับห้าคนกางแขนกางขาได้สบาย..

“เฮอะ พวกผู้ดีใส่ชุดเองไม่เป็น” บ่นๆซักพัก เจ้าของกระเป๋าเงินก็ก้าวเข้ามาและออกคำสั่งเปลี่ยนชุดให้เขาดู…

เดี๋ยวนี้!

……………

ในที่สุดข้าก็ชนะ ชูมือกู่ร้องในใจ

 

ได้ใส่ชุดบุรุษไปงานเลี้ยง ซึ่งได้รับการเปิดเผยภายหลังว่า เป็นงานของราชนาวี… ชิชะ นี่แทบจะเอาข้าไปแขวนคอในดงทหารเลยทีเดียว

หนอย วาคิม ไอ้ลุงโหดงี่เง่าเผด็จการเอาแต่ใจ…

 

ในที่สุด ข้าก็หอบชุดทั้งหมดกลับคฤหาสของพันจ่าเอกโดยดี แน่นอน ชุดสตรีด้วย

ในคืนนั้นเขาลอบเขียนจดหมายสั้นๆขึ้นมาฉบับหนึ่ง…

พี่เจอร์รี่

 

ตอนนี้พี่คงวิ่งหาข้าอยู่ เพราะข้าไม่ได้กลับเรือซักพักแล้วใช่หรือเปล่า.. พี่จำวันที่ข้าบอกว่าจะขอกลับไปนอนบ้านซักสามวันได้ใช่ไหม …

 

คือ..ข้าโดนโปะยาสลบแล้วหิ้วขึ้นเรือแล่นมาเชวาเรียแล้วล่ะ…

 

เขาบอกว่าจะให้ข้าอยู่จนกว่าจะถึงวันงานแต๊งกิ๊ฟวิ่งของราชนาวี….

 

แต่ไม่ต้องห่วงนะ ข้าไม่เป็นไร ฝากเจ้าบอกกัปตันด้วยว่าข้าอยู่ไหน… ขอบคุณครับ

เอ่อ..ข้าจะพยายามหนีให้ได้..

เครซ

และเมื่อรุ่งเช้ามาถึง ข้ารอจนกระทั่งพันจ่าเอกวาคิมอส จอร์เดนไปทำงาน จึงแอบสายตาพ่อบ้านและสาวใช้ไปยังโรงเลี้ยงนก ก่อนจะเรียกมาตัวหนึ่งแล้วสอดจดหมายเข้าไปในปลอกเท้า กระซิบบอกจุดหมาย จากนั้นจึงปล่อยมันบินออกไป…

มองมันจนลับสายตาก็ได้ยินเสียงพ่อบ้านเรียกหาเขา…

ได้เวลาทำตัวเป็นเด็กน่ารักให้ผู้ใหญ่ชื่นชมซะแล้ว…

สิบวันที่อยู่ในบ้านจอร์เดน ข้าทำตัวน่ารักเท่าที่จะทำได้ เหตุผลก็มีไม่มาก..แค่อย่าทำตัวเด่นก็เพียงพอและดูเหมือนว่าเจ้าบ้านจะพอใจไม่น้อยที่โจรสลัดสามารถทำตัวไม่ก่อปัญหาได้

และในที่สุดก็ถึงวันงาน…

ข้าเข้าไปในนามของ คาอิล ลูกชายคนเดียวของท่านขุนซีมัวร์ ผู้เป็นที่ปรึกษาทางการเมืองของเชวาเรีย และเป็นเพื่อนสมัยเด็กของ “ท่านพี่วาคิม” เสียด้วย

เสื้อเชิ้ตสีขาวเสื้อกั๊กสีทอง เส้นผมถูกจับเสยขึ้นให้เข้ากับชุดหรูหรา รอยยิ้มที่ปั้นแต่งขึ้นอย่างเคยชินถูกนำมาใช้ การเล่นละครที่พับเก็บไปนานแล้วได้รื้อเอาหน้ากากออกมาสวม

คำพูดสละสลวยของชนชั้นสูงที่เคยแอบเรียนมาก็ได้ใช้อย่างไม่เคอะเขิน

ข้าตรงไปยังซุ้มเครื่องดื่มเพื่อหยิบไวน์แดง..และตรงไปยังชุดอาหารทะเลจานใหญ่โดยมีพันจ่าเอกเดินตามไม่ห่าง

ในขณะนั้นเอง สายตาก็เหลือบไปเห็นคนคุ้นตา…

ต้นหนของเขา  รีส…

ใช่ป่าววะ… ดวงตาหรี่ลงมองเนื่องจากกว่าอีกฝ่ายแต่งตัวเป็นสตรีจึงทำให้จำได้ยากนัก…แต่..ก็ยังจำได้อยู่ดี รอยยิ้มนึกสนุกผุดขึ้นมุมปากก่อนจะยื่นของทั้งหมดให้วาคิมอสถือแล้วพุ่งตรงไปหาทันที

“สวัสดีขอรับท่านหญิง” ข้ายิ้มกว้าง โฉมข้าไม่เปลี่ยนมากนักนอกจากทรงผม ทำให้คนตรงหน้าจำได้ทันทีว่าใครทักเขาก่อนจะทำสีหน้าดีใจและอุทานออกมาเบาๆ

“เจ้—-”  เขาชะงักไปก่อนจะยิ้มน้อยๆแล้วย่อตอบอย่างชำนาญ “สวัสดีค่ะท่านชาย”

คุยกันไปซักพักท่านหญิงริซ่าก็ค้อนขวับใส่และเรียกหาราชนาวีที่บังอาจชิงตัวอย่างอุกอาจเช่นนี้เขาเรียกให้ชี้ให้ดูเสียหน่อยอยากจะเห็นหน้าเหลือเกิน…

ได้..ถ้าอย่างนั้นข้าจะพาไป…….ใบหน้าผุดรอยยิ้มฮึฮึก่อนจะจูงมืออีกฝ่ายที่เล็กกว่าไม่มากแล้วพาไปหาวาติมอสที่ยืนรอและมองอยู่ด้วยสายตาดุดัน

“ท่านพี่วาคิม นี่คือท่านหญิงริซ่า เพื่อนของข้าเอง ท่านหญิง นี่คือพันจ่าเอกวาคิมอส”  ข้ารู้สึกได้ว่ารีสสะดุ้งเมื่อเห็นหน้าเขา แต่ก็รู้สึกได้อีกเช่นกันก่อนจะเปลี่ยนเป็นความอึ้งแล้วปรับสีหน้าทันทีเมื่อนาวีหนุ่มเอ่ยทักทาย

อยู่คุยอีกซีกพักก่อนจะปล่อยให้ทั้งคู่คุยกันไป…. โดยข้ออ้างคือจะไปหยิบน้ำส้มให้คุณผู้หญิง

จากนั้นข้าก็ไปแถวๆฟลอร์เต้นรำ…

พบเอนดีเข้าให้

นางดูจะถามข้าเรื่องจดหมาย แต่ก็ยั้งไว้ก่อน “ไว้ข้าจะไปอธิบายเรื่องนี้กับ ‘ท่านพ่อ’ บนเรือที่เดียวเลยแล้วกัน ท่านหญิง”

ท่านพ่อที่ว่าคือลูก้า กัปตันเรือบลูไวเปอร์ของเรา

ข้าขอนางเต้นรำซักครึ่งเพลง…ครึ่งเพลงจริงๆเพราะนางนั้นเต้นไม่เป็น…

จริงๆก็เริ่งสงสัยขึ้นมานิดหน่อยแล้ว..ว่าบลูไวเปอร์มางานนี้กี่คน….

เมื่อผละจากหญิงสาวมาได้ ข้าก็มองไปยังซุ้มอาหาร….พูดถึงกับตันเมื่อครู่ กัปตันก็มา.. เลยไปอีกนิดก็ท่านรองกัปตันแสนกินเก่งที่มีน่องไก่อยู่ในมือและดูจะไม่สนใจอะไรนอกจากกิน และกิน

ข้าได้ตรงเข้าไปยืนข้าๆและเอ่ยทักทาย….กัปตันดูจะสงสัยอะไรอยู่มากกับกรณีของข้า…

 

เป็นใครจะไม่สงสัยกัน…

เขาบอกให้ข้าออกจากงานเมื่อมีโอกาส รถม้าสามคันที่อยู่หน้างาน สารถีที่รู้ทางไปยังที่จอดเรือ

เดี๋ยวก่อน….สามคัน…เลยรึ นี่พวกเรามางานนี้กันเยอะมากแค่ไหนกัน…

มือใหญ่วางบนบ่าของข้าเบาๆ

“ท่านจะกลับเลยหรือเปล่าครับ ข้าเจอพวกเราค่อนข้างเยอะอาจจะกลับกับใครซักคนที่มางานนี้”

“ข้าจะอยู่ทำอะไรอีกซักพัก เจ้าไปก่อนได้เลย” เขาพูดจบข้าก็เดินออกจากตรงนั้นไปยังซุ้มดนตรี…

จนได้พบชายที่มักจะซ่อนดวงตาไว้ภายใต้หน้ากากนั่นตลอดเวลา

เจอร์รี่…คนที่เขาส่งจดหมายไปหา…

เดินย่องเข้าไปด้านหลังชายสวมหน้ากาก่อนจะปิดตาของอีกฝ่าย “จำข้าได้หรือเปล่า?” น้ำเสียงแกล้งหลอกให้อีกฝ่ายตกใจเล่น

นายช่างลังไม้หันมากอดเขาแน่ “ข้าเป็นห่วงเจ้าแทบแย่ ปลอดภัยใช่หรือเปล่า ไม่บาดเจ็บใช่ไหม…?”

“ไม่เป็นไร และข้าเจอกัปตันแล้ว พร้อมกับเส้นทางการกลับเรือ ข้าคิดว่าการออกจากงานพร้อมกันหลายๆคนดูจะเป็นที่สังเกตเกินไปสำหรับพวกเรา ดั้งนั้นข้าจะออกไปกับท่านหญิงริซ่า” ข้าขยิบตาให้

“มองไปที่ฟอร์เต้นรำ หากนางไม่อยู่แล้วแปลว่า ข้าได้ออกจากงานไปแล้วเช่นกัน” ข้ากอดเจอร์รี่อีกครั้ง เขาเป็นห่วงข้ามากจริงๆ

“แล้วเจอกันบนเรือ”…ข้าโค้งลงอย่างสุภาพก่อนจะเดินออกไป…

กลับไปบอกลาวาคิมอส….

นี่เป็นการลาจากครั้งแรกที่ข้าอยู่รอเพื่อบอกลา หากเป็นยามปกติข้าคงหายไปทันทีที่มีโอกาสหนี  แต่คราวนี้มันต่างออกไป ข้าเริ่มมีควารู้สึกพิเศษให้เขา…

เขาอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดว่า “ย้ายไปโคเลดิต้ากับข้า…ได้ไหม ข้ากำลังจะย้ายไปประจำการที่นั่น”

ในทุกๆครั้งเขาจะได้รับคำปฏิเสธ แน่นอนครั้งนี้ก็เช่นกัน และรู้สึกได้ว่าการบอกปฏิเสธเขาจะยากขึ้นเรื่อยๆ… อาจจะเพราะสีหน้าและท่าทางที่เหมือนหมาใหญ่กำลังหูตกหงอยเหงาก็เป็นได้..

ข้าถอดจี้สีเขียวออกและมอบให้เขา…

รอยยิ้มของวาคิมอาผุดขึ้นจางๆ.. “แย่งกับข้าแทบตายจะมาให้กันง่ายๆแบบนี้เลย….?”

“เจ้าทำสีหน้าเช่นนี้แปลว่ารู้ความหมาย เพราะอย่างนั้นเก็บไว้”  วางจี้ลงกลางฝ่ามือขาวของอีกฝ่ายและพับนิ้วขึ้นให้กุมมันไว้ “แล้วข้าจะมาเอาคืน”…

และข้าจะกลับมาหาเจ้า…..

เขากอดข้าแน่นก่อนจะผ่อนออกช้าๆ… “รักษาตัวด้วย ขอให้เดินทางปลอดภัย”…นัยน์ตาสีฟ้าหลุบลงก่อนจะมองไปยังชายหาด…

ข้าสวมกอดแผ่นหลังนั้น… “ขอให้อยู่รอดปลอดภัย”…….และผินหลังเดินจากมาจากชายหาด…

ความรู้สึกเหมือนทรายที่เท้าดูดทุกย่างก้าวที่จากมา..จนกระทั่ง..คนที่เขาสัญญาว่าจะไปหยิบน้ำส้มให้ปรากฏตรงหน้า…

ท่านหญิงริซ่ายืนรอเขาอยู่

รอยยิ้มผุดขึ้นจางๆแล้วเดินไปหาและฉวยน้ำส้มแถวนั้นให้…

“เรามาเต้นรำกันซักเพลงดีหรือไม่ท่านหญิง….รอเวลา..แล้วค่อยกลับบ้านกัน” น้ำส้มถูกยกขึ้นจิบก่อนที่จะเหลืแต่แก้วและถูกวางส่งๆลงบนโต๊ะว่าง..

 

ข้ายื่นมือให้นาง นางยื่นมือให้ข้า แล้วเราก็เริ่มเต้นรำกันตามเสียงเพลง

รีสถามข้าหลายอย่างเรื่องวาคิมอส… โดยเฉพาะ “เขาจะทำเรื่องแยยนี้อีกหรือเปล่า…?”

“..เราตกลงกันแล้ว…เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”…. กระโปรงของอีกฝ่ายหมุนเป็นวงสวยก่อนที่ข้าจะรับนางกลับมาเข้าจังหวะเหมือนเดิม

เมื่อเพลงจบ ข้าโค้งให้นางย่อรับ มือที่ยังจับกันอยู่นั้นพากันออกไปจากลานเต้นรำ ได้เวลาเลิกงานพอดีเช่นกัน ข้าได้ยิรเสียงคนพูดประกาศปิดงาน แต่ไม่ได้หันไปมองว่าใคร…ผู้คนเริ่มกลับบ้าน บ้างก็เมาจนนั่งอยู่กับมุมโต๊ะ มุ่งสู่รถม้าด้านนอกของงานที่กัปตันลูก้าได้เตรียมไว้

เราก้าวขึ้นรถ รีสยังคงถามไม่ปล่อยเรื่องราชนาวี ข้ารู้ว่าเขาเป็นห่วงและอยากรู้ให้แน่ชัดไปเลยว่าข้านั้นตัดสินใจยังไง….

คำตอบนั้นง่ายและชัดเจน…ข้า เลือกบลูไวเปอร์

รถม้าใช้เวลาซักพักในการแล่นมายังที่หมาย ข้าชอบที่จะพูดคุยเล่นกับรีส…บางครั้งมันก็ไม่น่าเบื่อ เมื่อก้าวลงจากพาหนะ ต้นหนในชุดสตรีก็ชี้ให้ดูว่ามีเรือเล็กเทียบท่าอยู่เพื่อนที่จะพาไปยังเรือใหญ่ที่อยู่ในทะเล

ชายหนุ่มเป็นห่วงคนอื่นที่ยังไม่ได้กลับมายืนตรงนี้ เขาบอกว่าจะตามไปดูคนที่เหลือ….และทิ้งให้ข้ารออยู่กับเรือบด…

โอกาสที่ข้าจะหนีทั้งจากวาคิมอส และจากบลูไวเหอร์ก็มีมากพอๆกัน  แต่ข้ากลับไม่ทำซักอย่างและปล่อยมันไปเรื่อยๆอย่างที่คิดแล้วว่าจะไม่มีใครเดือดร้อน…

ข้านั่งรออยู่ที่เรือบด นึกถึงสองที่ผ่านมาเป็นเวลาสิบวัน และเวลาในอนาคตต่อจากนี้ข้าจะเจออะไร..โดนลงโทษจากกัปตันหรือเปล่า…?

คิดไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งคนอื่นๆมาครบ ข้าหยิบไม้พาย ยีหัวของตนให้กลับมาทรงเดิม และจับไม้พาย จั่มฮึบออกไปกลางทะเล..

เพื่อกลับลูซี่…

———————–

สิ่งที่ข้าเรียนรู้ในวันนี้..และสองสิ่งที่จะไม่ทำหลังจากนี้เป็นต้นไป…

ไม่ให้ที่อยู่ของข้านั้นเดือดร้อน ในตอนนี้คือบลูไวเปอร์

หรือการทำให้วาคิมอส จอร์เดน เดือดร้อนเพราะตัวข้าเอง…